กสทช.ลุยขอนแก่นจัดระเบียบสายเคเบิลหลังเกิดเหตุสายร่วงปาดคอสาว(มีคลิป)

วันที่ 8 พ.ค.2561 ที่ห้องประชุมพระธาตุขามแก่น ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ประกอบการโทรคมนาคม พร้อมด้วย น.ส.กนกวรรณ ปัญญาพิมพ์ ลูกสาวของ น.ส.มณีเนตร เจริญเหง่า ที่เสียชีวิตจากเหตุสายสัญญาณอินเตอร์ปาดคอ ได้ประชุมและแถลงข่าวแนวทางการปัญหาการพาดสายสื่อสารในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า กรณีมีผู้เสียชีวิตจากสายโทรคมนาคมที่จังหวัดขอนแก่น และสำนักงาน กสทช. ได้ประสานงานให้บริษัทเจ้าของสายเข้าไปรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย ทางกสทช.พร้อมและยินดีให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเต็มที่ วันนี้ สำนักงาน กสทช. จึงได้จัดประชุมหารือร่วมกับ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและคณะ เพื่อหารือถึงแนวทางการพาดสายสื่อสารในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาการพาดสายสื่อสาร

การจัดระเบียบเป็นเรื่องยากแต่ต้องดำเนินการ เช่นที่กรุงเทพก็เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยการร่วมมือกับทุกภาคส่วนในหลายเส้นทางนำเอาสายที่ไม่ได้ใช้งานเอาลงทั้งหมดบางสายพาดนานกว่า 20 ปี และมีแผนจัดระเบียบสายในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งขอนแก่นเองนั้นตามแผนจะเริ่มดำเนินการวันที่ 1 มิ.ย. แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน จึงได้ร่นเวลาจัดให้เร็วขึ้น โดยจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ที่ถนนกลางเมือง จากสี่แยกถนนประชาสโมสรถึงแยกถนนหลังศูนย์ราชการ และถนนหน้าเมือง ที่จุดแยกถนนประชาสโมสรถึงแยกถนนหลังศูนย์ราชการ ที่จะต้องจัดระเบียบร่วมกับหลายหน่วยงาน เพื่อชี้ได้ถูกต้องว่าสายใดที่ต้องเอาลงหรือเอาไว้

ขณะเดียวกัน กสทช.เองยังมีโครงการนำร่องร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำเอาสายลงใต้ดิน โดยทางจังหวัดขอนแก่นเองนั้น จะได้มีการนำเข้าที่ประชุมเพื่อกำหนดเส้นทางในขั้นตอนต่อไป

สำหรับมาตรการบังคับใช้ในการพาดสายสื่อสารของสำนักงาน กสทช. นั้นผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมทุกรายจะต้องดำเนินการพาดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้ตกลงกับการไฟฟ้าฯ รวมถึงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้สิทธิในการปัก ตั้งเสา เดินสาย วางท่อ ติดตั้งอุปกรณ์ประกอบ หรือหลักสิทธิแห่งทางของสำนักงาน กสทช. โดยมาตรฐานการพาดสาย กรณีที่เป็นถนนหลัก ทางหลวงแผ่นดิน ไม่ให้มีการพาดสายข้ามถนนต้องดันท่อร้อยใต้ดินเท่านั้น กรณีถนนสายรอง ซอย การพาดสายข้ามถนนการพาดสายต้องพาดในระดับความสูงกว่าผิวจราจร 5.5-5.9 เมตร และสายสื่อสารทุกประเภทต้องมีสี และชื่อของเจ้าของระบุอย่างชัดเจนเพื่อแสดงตน

นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช. ร่วมกับ AIS TRUE 3BB และ Symphony เชิญประชาชนร่วมใจเตือนภัย เพื่อความปลอดภัยสายสื่อสาร รับ Power Bank ฟรี 4,500 อัน สำหรับประชาชน 4,500 รายแรก ที่โทรศัพท์มาแจ้งข้อมูลสายสื่อสารที่เป็นอันตรายกับศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200

ทั้งนี้ที่สายสื่อสาร หย่อน ขาด รกรุงรัง อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และสำนักงาน กสทช. ได้มีการเรียกประชุมผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม และผู้ประกอบกิจการเคเบิ้ลทีวี เพื่อย้ำถึงมาตรการบังคับใช้ในการพาดสายสื่อสารในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม รวมถึงทำความเข้าใจ เพื่อให้การพาดสายสื่อสารของผู้ประกอบการทุกรายเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบ สร้างความปลอดภัย ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ดูสวยงาม ไม่รกรุงรัง รวมถึงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้เร็วขึ้น

สำนักงาน กสทช. เห็นว่าสิ่งที่จะช่วยให้เกิดความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารที่เป็นอันตรายนั่นคือสำนักงาน กสทช. ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนโดยเป็นส่วนร่วมในการแจ้งเตือนภัยเกี่ยวกับอันตรายที่เกิดจากสายสื่อสารกับสำนักงาน กสทช. เนื่องจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่สายสื่อสารพาดผ่าน จะเป็นผู้ใกล้ชิดและน่าจะเป็นผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ปัญหาสายสื่อสาร หย่อน ขาด รกรุงรัง ที่ที่อาจเกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้เร็วกว่า

โดยประชาชนที่แจ้งข้อมูลปัญหาสายสื่อสาร พร้อมทั้งระบุสถานที่ที่พบปัญหา มายังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 (ฟรี) พร้อมทั้งถ่ายภาพสายสื่อสารที่เป็นปัญหาส่งมายัง Line ID : @nbtc1200 สำหรับ 4,500 สายแรกที่แจ้งข้อมูลเข้ามา เมื่อสำนักงาน กสทช. ทำการตรวจสอบว่าสายสื่อสาร ณสถานที่ที่ประชาชนแจ้งเข้ามานั้นก่อให้เกิดปัญหาเป็นอันตรายกับประชาชนจริง สำนักงาน กสทช. จะส่ง Power Bank ฟรี ไปให้กับประชาชนที่แจ้งข้อมูลเข้ามาโดยเร็วที่สุด สำหรับ Power Bank ที่จะแจกให้กับประชาชนมีจำนวนทั้งสิ้น 4,500 อัน แบ่งเป็น ภาคเหนือ 1,000 อัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,000 อัน ภาคกลาง 1,000 อัน ภาคใต้ 1,000 อัน และกรุงเทพมหานคร 500 อัน

"การที่ประชาชนร่วมกันช่วยสังเกต และเตือนภัยสายสื่อสารที่อาจเป็นอันตราย มายังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 จะช่วยให้การทำงานของสำนักงาน กสทช. ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม และผู้ประกอบกิจการการเคเบิ้ลทีวี แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วป้องกันอันตรายได้ทันต่อเหตุการณ์ยิ่งขึ้น"นายฐากร กล่าว

หลังจากแถลงข่าวเสร็จ นายฐากร และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบการพาดสายสื่อสารในพื้นที่เกิดอุบัติเหตุ ที่บริเวณหน้าโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย และไปตรวจพื้นที่เตรียมจัดระเบียบสายสื่อสารร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ถนนหลังศูนย์ราชการ บริเวณแยกกลางเมืองและหน้าเมือง รวมทั้งไปตรวจเส้นทางวิกฤตที่ไม่สามารถอนุญาตให้พาดสายฯ จำนวน 3 เส้นทาง เส้นทางแยกประชาสโมสร (ฝั่งตะวันออก) ถึง ถ.ราษฎร์คะนึง เส้นทางทางเข้าบ้านโนนม่วง และ.เส้นทางถนนสมหวังสังวาล และพบว่าระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท 3BB เร่งดำเนินการจัดระเบียบสายส่งสัญญาณบริเวณถนนเหล่านาดี ใกล้กับจุดเกิดเหตุสลดหน้าโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยด้วย