svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ คนสนิทเสี่ยแม้ว? ลีลา "ดีล" หนนี้ยังเฉียบ!

08 พฤษภาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ขึ้นชื่อว่า "กลุ่มทุน" จุดยืนเดียวที่มีก็คือ "กำไร" ดังนั้น ข่าวที่กลุ่มทุนจากไทย นำโดย ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ เข้าซื้อ "สโมสรฟุตบอลพานาธิไนกอส" ทีมดังแห่งศึกซูเปอร์ลีกกรีซ หลังเจรจากันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ถือเป็นดีลทางธุรกิจซื้อมาขายไป เป็นข่าวธรรมดาในหน้าข่าวกีฬาและข่าวเศรษฐกิจ !!


หากจะไม่ธรรมดาก็ตรงที่ ไพโรจน์ผู้นี้ ต้องนับว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ ที่มีบทบาทอย่างมากในการเมืองไทยหลายยุค แต่ที่แซบสุด เห็นจะเป็นยุค ของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 ซึ่งมีเรื่องราวเคล้าดราม่าอีกมากมาย



หรือแม้กระทั่งชีวิตของ "ไพโรจน์" เอง ก็ผ่านมรสุมมาหลากฤดู จนหลายคนเรียกเขาว่าแมว 9 ชีวิตก็มี !



ไพโรจน์เป็นคนบ้านฉาง นามสกุลเปี่ยมพงษ์สานต์ นั้นเป็นตระกูลเก่าแก่ มีชื่อเสียงของจังหวัดระยอง เขามีศักดิ์เป็นหลานของเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่เสวตรมักจะบอกว่า ไม่เคยรู้จักกับไพโรจน์มาก่อน (จากผู้จัดการ)



ไพโรจน์จบอนุปริญญาจากวิทยาลัยครูพระนคร ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศิลป์ วิทยาลัยครูพระนคร ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยบูรพา



และคู่ชีวิตของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ "พิไลพรรณ" บุตรสาวของ ประทีป เชิดธรณินทร์ เลขานุการส่วนตัวของ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย



ดังนั้น ถ้าจะนับว่า ชีวิตของไพโรจน์ล้วนเกี่ยวข้องกับแวดวงการเมืองมาตลอดก็ว่าได้ อย่างกับ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร (ที่พ่อตาของเขาเป็นเลขาฯ) เวลานั้นไพโรจน์ก็เป็นเหมือน Think tank ของเขาไปในตัว

ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ คนสนิทเสี่ยแม้ว? ลีลา "ดีล" หนนี้ยังเฉียบ!




แต่ช่วงราวปี 2526-2529 ที่ พล.ต.อ.ประมาณ เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายค้าน ว่ากันว่าช่วงนั้น ไพโรจน์มีหนี้สินกว่า 30-40 ล้านบาท จากการใช้เงินไปสนับสนุนการหาเสียง



กระนั้นก็ตาม ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ ปรากฏว่าเมื่อถึงยุครัฐบาลน้าชาติ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ราวปี 2531 กับนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เกิดโครงการ "อีสเทิร์นซีบอร์ด" ทำให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว



ไพโรจน์ผู้ที่ตกอับ และเคยใช้เงินไปกับการซื้อที่ดินบริเวณบ้านฉาง ตั้งแต่กลางปี 2530 จนมีที่ดินไว้ในครอบครองกว่า 2,000 ไร่ ก็กลับมาผงาดอีกครั้ง ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท บ้านฉาง กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ที่มีโครงการพัฒนาที่ดินที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน !



สำหรับบ้านฉางกรุ๊ปนั้น ชื่อเดิมคือ บริษัท บ้านฉางแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด จดทะเบียน 4 พฤษภาคม 2531 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ต่อมาเพิ่มเป็น 798 ล้านและ 950 ล้าน ตามลำดับ



รายชื่อกรรมการเวลานั้น ที่คนไทยคุ้นเคย เช่น นิสสัย เวชชาชีวะ, สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ฯลฯ (ข่าวจากสำนักข่าวอิศรา)



ด้วยสไตล์ของไพโรจน์แบบนักค้าที่ดิน ประเภทซื้อมา-ขายไป ส่งผลให้เขาสามารถล้างหนี้ได้หมด จนได้ฉายาเจ้าพ่อบ้านฉาง !



ขณะเดียวกัน ช่วงรอยต่อระหว่างนั้น ไพโรจน์ยังเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.สุจินดา คราประยูร และยังสนิทแนบแน่นกับนักการเมืองกลุ่ม 16 นำโดย เนวิน ชิดชอบ อีกด้วย



อย่างไรก็ดี ชีวิตมีขึ้นมีลง ต่อมาหลังประเทศเจอวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ผ่านมา 3 ปี เสี่ยไพโรจน์ถูกบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท บ้านฉาง กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) กระทั่งถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายในปี 2545



ช่วงนั้นเองที่ชีวิตของเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับ ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ อัศวินคลื่นลูกที่ 3 และก็ต้องบอกเลยว่าเป็นสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นจนอาจเรียกได้ว่า คู่นี้เป็นทั้ง เจ้าหนี้ ลูกหนี้ เพื่อนสนิท ที่ปรึกษา



โดยช่วงที่เสี่ยไพโรจน์ตกอับ นายกฯ ทักษิณขณะนั้น ก็เข้ามาช่วยเหลือหลายอย่าง ซึ่งไพโรจน์เองก็ใช้ความถนัดกับการเป็นนายหน้าค้าขาย ดูแลและทำงานให้เสี่ยแม้วเรื่อยมา จนเสี่ยไพโรจน์หลุดจากการล้มละลาย เมื่อเดือนธันวาคม 2547 และก็ได้หันไปเปิดบริษัทเพื่อติดต่อทำธุรกิจในอังกฤษ และดูไบ



ไม่รู้ว่าจะด้วยบังเอิญหรือไม่ เพราะถึงวันที่อีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก "ทักษิณ" ต้องหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ วงในรู้กันดีว่าเป็นเสี่ยไพโรจน์นี่แหละ ที่ตามไปอยู่เป็นเพื่อน คอยเอาใจใส่ดูแลให้ความช่วยเหลือตลอด !



ทั้งการดูแลหาที่พักในดูไบ ตลอดจนการได้สัญชาติมอนเตเนโกรของทักษิณ และเรื่องอื่นๆ ที่ทั้ง "ลึก" และ "ลับ" เกินจะพูดได้หมด !

ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ คนสนิทเสี่ยแม้ว? ลีลา "ดีล" หนนี้ยังเฉียบ!




ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่าคู่นี้ยังรักกันดีหรือไม่ เพราะข่าวลือมีเยอะ แต่หากเอาเฉพาะเรื่องของเกมการเงินใน "สายลูกหนัง" เรียกได้ว่ากอดคอกันจนปิดดีลอย่างสวยงามมาแล้ว



โดยครั้งที่ ทักษิณโชว์เหนือด้วยการพยายามช็อปปิ้งสโมสรฟุตบอล ไพโรจน์ผู้นี้แหละเป็นล็อบบี้ยิสต์เจรจาให้ ทั้ง ทีมลิเวอร์พูล หรือ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้



แต่ดีลที่เกิดขึ้นจริง คือ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ที่เกิดในช่วงปี 2550 อันมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 81.6 ล้านปอนด์ (ราว 5,103 ล้านบาท) โดยเสี่ยไพโรจน์ยังเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดบริหารของทีมเรือใบสีฟ้าด้วย



เพียงปีเดียว เสี่ยไพโรจน์ดูแลจนทักษิณสามารถขายสโมสรต่อให้แก่กลุ่มนักลงทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ในราคา 150 ล้านปอนด์ (ราว 9,000 ล้านบาท) ฟันกำไรมาเหนาะๆ



ก็ไม่รู้ว่า หลังฉากดีลนี้นับแต่เริ่มจนจบคืออะไรที่มากกว่าเกมธุรกิจธรรมดา แต่หลังจากนั้นช่วงปี 2552 เสี่ยไพโรจน์ ก็เคยพยายามที่จะเข้าซื้อ สโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรือ "ขุนค้อน" มาแล้วด้วยมูลค่า 6,875 ล้านบาท



ตอนนั้นก็เป็นข่าวใหญ่จนสื่อพยายามขุดประวัติของ "เสี่ยบ้านฉาง" มาเล่าแล้วเล่าอีกเหมือนตอนนี้



แต่แม้ว่าดีลนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เจอกลุ่มทุนจากไอซ์แลนด์ปาดหน้าเค้กไป แต่ชื่อชั้นเรื่องการเจรจาของเสี่ยบ้านฉาง ก็เข้าตา "เสี่ยวิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าพ่อดิวตี้ฟรีเบอร์ 1 ของเมืองไทย กลุ่ม "คิงเพาเวอร์" ที่่ช่วยเจรจาให้ดีลสยายปีกฮุบ "สโมสรเลสเตอร์ซิตี้" ประสบความสำเร็จในปี 2553



ผ่านมาราวปี 2557 กับดีล สโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง ของ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ด้วยความที่สนิทสนมกับครอบครัวศรีวิกรม์มานานกว่า 30 ปี เสี่ยบ้านฉางก็จัดการดีลให้สำเร็จ !



สโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง 75% เป็นของ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์, สัมฤทธิ์ ธนะกาญจนสุต และ นรินทร์ นิรุตตินานนท์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 เป็นต้นมา



แต่รายนี้จบข่าวไปช่วงปีที่แล้ว เมื่อคุณหญิงศศิมาออกมายอมรับเองว่าไม่อาจนำพาสโมสรเรดดิ้ง ไปสู่เป้าหมายสำเร็จ และได้ขายต่อให้กลุ่มทุนจีนไป



มาถึงวันนี้ ถึงคราที่ "เสี่ยบ้านฉาง" จะขอชิมลางเป็นเจ้าสโมสรจริงๆ สักครั้ง โดยเข้าซื้อในนามของ แพน เอเชียน ฟันด์ ที่เบื้องต้นการเทคโอเวอร์ในขั้นแรกนี้ จะจ่ายเงินถึง 27 ล้านยูโร หรือ ราว 1,026 ล้านบาท ขณะที่จะวางเงินอีก 20 ล้านในอนาคต



เป็นอันว่า เวลานี้ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ น่าจะได้เป็นเจ้าของสโมสรดังในลีกกรีซได้สมใจ โดยมีกำหนดเวลาที่คาดว่าทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 30 มิถุนายน ที่จะถึงนี้



ก็อย่างที่รู้ว่า เรื่องธุรกิจ ซื้อมาขายไป ใครๆ ก็หวังกำไรทั้งนั้น!



อย่าง "พานาธิไนกอส" ที่กำลังประสบวิกฤติทางการเงินอย่างหนัก หลังเพิ่งโดนสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) สั่งแบนในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปทุกรายการเป็นเวลา 3 ปี ก็เพราะไม่สามารถสะสางปัญหาการเงินได้ตามเส้นตายที่กำหนด




ดังนั้น เมื่อฝ่ายหนึ่งอยากซื้อ อีกฝ่ายก็อยากขาย ดีลจึงเกิดขึ้น เหมือนกับดีลอื่นๆ ที่ "เสี่ยบ้านฉาง" ผู้นี้ ผ่านมาแล้วอย่างโชกโชนและช่ำชอง !

logoline