แห่ดูดอกบัว ไม่สนใจนางรำกันเลย

เช้าวันที่ 28 เมษายน 2561 เวลา 09.09 น. ที่อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ประชาชนกว่าพันคน ได้มาร่วมทำบุญ พิธีตั้งเสาเอก เสาโทเป็นปฐมฤกษ์ เพื่อก่อสร้างอนุสรณ์สถาน พระผู้สร้างบ้าน แปงเมืองยางชุมน้อย เจ้าคุณพระศาสนดิลกหน่วยขันติโก ผู้ตั้งบ้านเมืองของบ้านยางชุมน้อย

พิธีเริ่มจากการสวดมนต์ไหว้พระ จุดธูปเทียน บูชาเครื่องคาวหวาน อาหาร ผลไม้ ดอกไม้ พานบายศรี โดยเฉพาะพานบายศรี ที่ประกอบด้วยใบตองกล้วย ดอกไม้ ดอกบัวตูม พานบายศรีพญานาค ประกอบพิธีถวายเครื่องเซ่นไหว้ แด่ เทวดาอาลักษณ์ เป็นการจัดเครื่องเซ่นไหว้แบบชุดใหญ่ โดยมี นายสุพร ธีรโรจน์ชาลี นายอำเภอยางชุมน้อย, นายนวนใจ บุษบงก์ นายกเทศมนตรีตำบลยางชุมน้อย เดินทางมาเป็นประธาน ฝ่ายฆารวาส พร้อมกับ ท่านเจ้าคุณ พระราชกิตติรังสี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ, พระครู พัฒนะวรกิจ อวยพร เจ้าอาวาสวัดบ้านยางชุมน้อย วัดโพธิ์ชัยศรี ประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับพระสงฆ์ 19 รูป พี่น้องประชาชนร่วมพิธีกว่าพันคน

หลังจากไหว้พระสวดมนต์เสร็จ ได้ดำเนินการประกอบพิธียกเสาเอก และเสาโท พระสงฆ์สวดอิติปิโสภัควา 9 จบ จากนั้น ได้มีการรำถวายเครื่องเซ่นไหว้ ถวายพญานาคา จากนางรำที่เตรียมไว้ พร้อมกับคณะนางรำชาวบ้าน ร่วมรำถวาย

แต่ปรากฏว่า ขณะที่นางรำกำลังรำถวาย พี่น้องประชาชนส่วนหนึ่ง ได้พากันแห่ไปดูด้านหลังของพานบายศรีพญานาค ที่เป็นดอกบัว มีปรากฏการณ์ดอกบัว มีรอยดำปรากฏขึ้นอยู่ตรงกลางดอกบัว ประชาชนมองไปแล้ว ก็บอกต่อๆ กันไปว่า เป็นรูปพระสงฆ์ เห็นเป็นรูปพญานาค เห็นเป็นตัวเลข ต่างๆ นานา และทำให้เร่งความอยากรู้ อยากเห็นกับตาของชาวบ้าน และเชื่อปรากฏการณ์ดังกล่าว ต่างนำโทรศัพท์มือถือ นำมาถ่ายรูปเอาไว้ ส่งต่อๆ กันไปยังเพื่อนให้ช่วยดูว่า เป็นรูปอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ส่วนใหญ่มองเห็นเป็นตัวเลข ซึ่งต่างคนต่างเห็น ต่างเลขกันด้วย




ในการประกอบพิธีตั้งเสาเอก เสาโท ในเช้าวันนี้ หลังจากที่ทุกอย่างจบลง รวมทั้งการทอดถวายผ้าป่าร่วมสมทบทุนร่วมสร้างอนุสรณ์สถานนี้ด้วย ได้เกิดมีฝนตกลงมาเล็กน้อย ต่างเชื่อว่าเทวดาประพรมน้ำมนต์มาให้




สำหรับเจ้าคุณพระศาสนดิลกหน่วยขันติโก ซึ่งเป็นต้นกำนิดของการตั้งบ้านเมืองของบ้านยางชุมน้อย ก่อนที่จะได้รับการประกาศตั้งขึ้นมาเป็นอำเภอยางชุมน้อย ผ่านระยะเวลามากว่า 100 ปี เป็นพระที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ เป็นทั้งพระผู้สอนสั่ง พระผู้สร้าง เปิดโรงเรียนสอนลูกศิษย์ ตั้งแต่เป็นโรงเรียนวัดเหมือนเมื่อสมัยก่อน จนมาเป็นโรงเรียนพระปริยัตติธรรม โรงเรียนในปัจจุบัน ส่งทอดต่อมาหลายเจ้าอาวาส




ขณะที่ลูกศิษย์ที่เรียนจบไปจากโรงเรียนในวัดสมัยก่อนที่ไม่มีระบบการสอนมากมาย เพียงสอนให้ทุกคนทำดี มีศีลธรรม มีความเมตตา อุเบกขา ซื่อสัตย์ ตามหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนทำให้ลูกศิษย์ได้มีทำงาน เป็นเจ้าคนนายคน เจริญก้าวหน้า ค้าขายร่ำรวย บ้านเมืองเกิดความสงบร่มเย็น ลูกศิษย์จึงต้องการสร้างอนุสรณ์สถาน เพื่อให้เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั่วไป ไม่ใช้แค่คนยางชุมน้อย เท่านั้น สำนึกในคุณความดี กลัวบาป ทุกคนได้มากราบไหว้ขอพร พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา