คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เผยถึงความรู้สึกห้วงนาทีประวัติศาสตร์ว่า การก้าวข้ามแนวซีเมนต์กั้นเขตแดนนั้น ง่ายมาก จนรู้สึกสงสัยว่า เหตุใดจึงใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะทำเช่นนี้ หลังจาก 11 ปีล่วงมา ซึ่งคิมเอ่ยถึงช่วงเวลานับจากการประชุมสุดยอดครั้งหลังสุดในกรุงเปียงยาง เมื่อปี 2550
ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวในห้องประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีมุน ภายในอาคารสันติภาพ หมู่บ้านปันมุมจอม ในเขตปลอดทหารว่า "ผมเดินประมาณ 200 เมตรด้วยอารมณ์ตื้นตัน" และได้กล่าวกับผู้นำเกาหลีใต้ว่า "ผมมาที่นี่ด้วยความตั้งใจส่งสัญญาณแห่งการเริ่มต้น ณที่ทางเข้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่" พร้อมสัญญาว่าจะเปิดใจกว้าง จริงจังและซื่อตรง
คิม จอง อึน กล่าวด้วยว่า เขาทราบดีว่ามีความเคลือบแคลงใจสงสัยการประชุมสุดยอดครั้งนี้ และยืนยันว่าข้อตกลงใดจากการประชุมครั้งนี้จะต้องยั่งยืน
"ไม่ว่าข้อตกลงหรือแถลงการณ์ออกจากที่นี่จะดีแค่ไหน แต่หากไม่ได้นำไปปฏิบัติใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม รังแต่จะสร้างความผิดหวัง ผมหวังว่าเราจะสนองตอบความคาดหวังของประชาชน ไม่เหมือนอดีตที่เราล้มเหลวในการสานต่อ และต้องกลับมายังจุดที่เราเคยเริ่มต้นกันอีกครั้ง"
ด้าน ประธานาธิบดีมุน ชื่นชมคิมจองอึน ผู้นำที่มีวัยอ่อนกว่าราว 30 ปี ในการตัดสินใจอย่างกล้าหาญ และหวังจะบรรลุข้อตกลงที่กล้าหาญ เพื่อมอบเป็นของขวัญชิ้นใหญ่แก่ชาวเกาหลีทั้งมวล และแก่ประชาชนผู้ต้องการสันติภาพ
"ผมคิดว่าพวกเราสองฝ่ายต่างรู้สึกถึงภาระหนักอึ้งบนบ่า เมื่อท่านข้ามแนวเขตทางทหารเป็นครั้งแรก ปันมุมจอมก็ได้กลายสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งความแตกแยก" ผู้นำเกาหลีใต้กล่าว
บรรยากาศในห้องประชุมเป็นกันเอง และมีเสียงหัวเราะเป็นระยะ
เกาหลีเหนือนำเชฟจากร้านอาหารชื่อดังในกรุงเปียงยาง เพื่อมาปรุงบะหมี่เย็นขึ้นชื่อให้ปรับทานในงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วย ซึ่งคิม กล่าวว่า หวังว่าประธานาธิบดีมูนคงจะชอบหมี่เย็นที่มาไกลจากเปียงยาง แล้วก็รีบเปลี่ยนคำพูดว่า "โอ๊ะ ผมไม่ควรพูดว่า ไกลเลย" เรียกเสียงหัวเราะจากผู้นำเกาหลีใต้และคณะผู้แทน