โซเชียลระอุ!ปากคำ "เสี่ยเปรมชัย"รอบนี้...มีสคริปต์!?

มุมหนึ่ง น่าคิดว่าครั้งนี้แม้จะเป็นครั้งที่ 2 ของเปรมชัยที่ "ปฏิเสธฆ่าเสือดำ" แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เสี่ยอิตาเลียนไทย พูดยาวที่สุด ! นับแต่เกิดเรื่องมาร่วม 2 เดือน

ครั้งแรก เขาพูดเมื่อ 14 มีนาคม 2561 ระหว่างมารับทราบข้อหาคดีงาช้าง อาวุธปืน และพยายามติดสินบน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.)

"ขอต่อสู้คดีตามความจริง เสียใจที่ทุกคนมองผมแบบนั้น ยืนยันไม่ได้ฆ่าเสือดำ แต่ว่ายังไงความจริงก็ต้องปรากฏในชั้นศาล"\

มาหนนี้ ที่เขาพูดอีกครั้ง ซึ่งแน่นอน ที่เขายังคงปฏิเสธ และพูดออกมาจนน่าคิดว่า หรือนี่อาจจะเป็นไม้เด็ดของเสี่ยใหญ่ ที่บอกว่า "แล้วความจริงจะปรากฏ !!"

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ที่โรงแรมรามาการ์เด้น ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งทาง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ได้ใช้สถานที่จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561

หลังการประชุม เสี่ยใหญ่ผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้แจกแจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแก่นักข่าว

"...ผมไม่ได้ทำ วันนั้น ผมไปถึงเย็นวันเสาร์ ผมก็ไปนอน ตื่นเช้ามา ก็เข้าไปทุ่งใหญ่และถูกจับในตอนเย็น และโดนกักขังสองวันสองคืน ติดต่อใครไม่ได้ เพราะถูกยึดโทรศัพท์ พอออกมา ก็เจอกับนักข่าวเป็นร้อย ส่วนภาพที่ออกมาก็ออกไปหมดแล้ว คิดว่าทางป่าไม้เป็นคนส่ง..."

และกับวาทะเด็ดคือ

"ผมยืนยันได้ และตัวผมเองก็พยายามเข้าใจและเตรียมตัวมากขึ้นและพยายามจะตั้งใจทำงานให้ดีขึ้นกว่าเก่าผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทรสอบถามทุกกรมทุกกระทรวง ก็มีแต่คนเห็นใจผม"

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจเริ่มถึงบางอ้อว่า เอาเข้าจริงๆ คำพูดเหล่านี้ น่าจะเป็นชุดข้อมูลที่จะนำไปใช้ในชั้นศาลแน่ๆ

และการพูดที่ยาวกว่าทุกครั้ง สำหรับคนที่รู้กันว่าเป็นคนพูดน้อย หลายคนจึงฟันธงว่า นี่มีการเขียนสคริปต์และมีทีมบอกบท !

และนั่นอาจเป็นเพราะพวกเขามองว่า กระแสต่างๆ ทางสังคม ไม่ได้มีน้ำหนักเท่ากับพยานหลักฐาน เหตุผลที่จะสรรหามายัน

แต่เอาเข้าจริงๆ อาจมีบางคนคิดผิดก็ได้ เพราะเวลานี้ ข้อความที่เสี่ยพูดหนนี้แหละ ที่เป็นชนวนจุดกระแสความไม่พอใจให้คนไทยอีกรอบ

เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้ นั่นเพราะถ้าย้อนไปดูช่วงวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งอัยการภาค 7 ส่งฟ้องเปรมชัย กรรณสูต รวม 6 ข้อหา จากความผิด 10 ข้อหา ซึ่งในข้อหานั้นล้วนมีเรื่องสำคัญๆ รวมอยู่ด้วย

ตอนนั้น ศศิน เฉลิมลาภ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ผู้ซึ่งเกาะติดเรื่องนี้มาตลอด ถึงกับออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่าพอใจภาพรวมของการฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะคดีสำคัญยังอยู่ครบ !

คือ 1.ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ร่วมกันซ่อนเร้นซากสัตว์ป่า และ 6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

เมื่อเป็นเช่นนี้ สังคมก็เหมือนมีความหวังในกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาเยอะ และกระแสก็ดูจะเบาบางลง

แต่แล้วเมื่อมาเจอคำพูดชุดหลังนี้ของเสี่ยรับเหมาหมื่นล้านนี่แหละ ปรากฏว่า กระแส "เสือดำต้องไม่ตายฟรี" ที่เกือบจะแผ่ว ได้กลับมาระอุอีกครั้ง !

ส่องดูโลกออนไลน์ ต้องบอกเลยว่าเดือด !! ด้วยคำถามที่ว่า "ใครเห็นใจคุณ?" โดยเฉพาะศศินเจ้าเก่า ที่ถึงกับโพสต์ข้อความรัวๆ เช่น

"ผมอยากถามคนในทุกกรมที่เขาโทรไปถามว่าถามใคร และใครไปเห็นใจอะไรเขา ใครเห็นใจเขาก็ออกมาสิ ออกมาแสดงความเห็นใจ ผมอยากฟัง"

"แล้วไง คุณพาลูกน้องเข้าป่า เอาปืนคุณไปเพียบ ลูกน้องลักปืนไปยิง คุณก็อธิบายความออกมาให้ละเอียดสิ เอาเลย เรารอฟังคุณเล่า... เราจะตัดสินเองว่าเราจะเชื่อคุณไหม ?"

แต่ด้านหนึ่ง เขาก็ยังตั้งข้อสังเกตในโพสต์ต่อมา ที่แม้จะออกตัวว่า "เดา" แต่ก็น่าจะมาจากการได้กลิ่นตุๆ ทางคดีบางอย่าง

"ก็ธรรมดาที่เขาต้องปฏิเสธแบบนี้ "เดา" เอาว่าที่เขาพูดแบบนี้เพราะ ...1. มีคนให้ข้อมูลว่าพอช่วยได้ และรับปากจะช่วย 2.ฝ่ายกฎหมายของเขามีแผนสู้ และได้ดำเนินการตามแผนมาตั้งแต่ต้น 3.การที่คุณเปรมชัยยังสู้ ไม่รับสารภาพ อาจจะโดนถูกทำให้เชื่อ ตามสองข้อแรก เพราะถ้าคุณเปรมชัยยังเชื่อว่าสู้ได้ หมายความว่า ก็ยังมีการลงทุนทุ่มเทให้คนช่วย ซึ่งจริงๆ อาจจะสู้ไม่ได้ก็ได้..."

ครั้นส่องไปดูความคิดเห็นของชาวเน็ตในโพสต์นี้ ก็พบว่าร้อนแรง จนต้องคัดมาเฉพาะที่ออกสื่อได้ เช่น

"...เราต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง มิเช่นนั้น สิ่งที่สังคมสูญเสียจะไม่ใช่เพียง เสือดำ 1 ตัว แต่คือความพ่ายแพ้ของสังคมไทย ตอกย้ำให้ทุกคนเลิกเชื่อเรื่องความถูกต้องและความยุติธรรมในสังคมนี้..."

"...การเชื่อทนายในลักษณะนี้ เป็นเรื่องปรกติ ซึ่งทางอัยการเองก็ต้องมีหลักฐานพร้อมมูล ที่จะเอาผิดให้ได้ในชั้นศาลครับ..."

"...พูดอย่างงี้อยากให้ออกไปแสดงพลังและจุดยืนกันมากกว่านี้ใช่มั้ยท่านประธาน คุณได้สิทธิ์นั้นแน่นอน..."

ขณะที่เฟซบุ๊ก "คนอนุรักษ์" ก็มีความคิดเห็นหลั่งไหลเข้ามามากมายต่อเรื่องนี้ เช่น

"...เป็นมนุษย์ที่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำตัวเองดีมาก ถึงได้เป็นประธานบริษัทใหญ่แบบนี้ ใครเป็นที่ปรึกษาคิดประโยคเล่านี้ให้ล่ะ..."

"...กล้าพูดไหม กรม กระทรวงไหนเห็นใจ บอกมาให้เห็นหน่อย..."

เพียงเท่านี้ ก็ชัดเจนว่า นับจากนี้สังคมจะติดตามเรื่องนี้อย่างเกาะติดยิ่งขึ้น!! เพราะถ้าว่ากันตามจริงแล้ว แรงกดดันจากสังคม ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นผลเสียทีเดียว

เพราะที่ผ่านมาสังคมไม่ได้แค่โกรธ แต่ยังช่วยกันสืบหาความจริงในแง่มุมต่างๆ มานำเสนอกันอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งก็เป็นไปตามที่ ศศินเคยวิเคราะห์ถึง 4 เหตุผลที่เรื่องเสือดำจะไม่จบง่ายๆ คือ 1.ประเด็นอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นเรื่องสากลที่สังคมโลกตระหนักว่าต้องให้ความสำคัญ 2.ความเหลื่อมล้ำ รวย-จน ที่ไปจี้จุดคนไทยอย่างจัง 3.ความไม่ไว้วางใจการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4.บทพิสูจน์รัฐบาลในการกำกับดูแลให้เกิดความถูกต้องในสังคม

และเมื่อทั้งหมดนี้มารวมกันกับพลังความไม่พอใจของคน ทำไมมันจะไม่แรงอย่างที่เห็น !

คงต้องดูกันต่อไปว่าชุดข้อความ "ผมไม่ได้ฆ่าเสือดำ" จากปากเจ้าสัวแสนล้านรอบนี้ จะส่งผลอย่างไรกับเรื่องราวทางคดี เพราะที่สุดแล้ว คนไทยต้องรอการพิสูจน์ในชั้นศาล

แต่ที่แน่ๆ กระแสและมุมมองของสังคมจะคงยืนยันในจุดเดิมต่อไปว่า "เสือดำต้องไม่ตายฟรี !!"