svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"ทนายตั้ม" ลุยเดี่ยว! ยื่นศาลกาญฯจำหน่ายคดีแพ่ง หวย 30 ล้าน รอฟังผลคดีอาญา

25 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ข้าราชการเกษียณตำรวจ ฟ้องร้องแย่งชิงการเป็นเจ้าของกรรรมสิทธิ์สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่1งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินรางวัลจำนวน 30 ล้านบาท

ต่อมานายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีคดีแพ่งกล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในข้อหา ละเมิดลาภมิควรได้ ซึ่งศาลได้รับเป็นคดีหมายเลขดำ พ.1230/2560 โดยศาลได้นัดคู่ความเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2561 ซึ่งเป็นการนัดชี้เพื่อกำหนดประเด็นนำสืบและศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้ให้ทางทนายของโจทก์นัดสืบเสาะพยานเป็นฝ่ายแรก เริ่มวันที่ 1-4 พ.ค. 2561 เป็นเวลา4วัน ส่วนทนายฝ่ายจำเลย นัดวันที่ 8-9 พ.ค.และวันที่11พ.ค. รวม 3 วัน


ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (25 เม.ย. 2561) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายความประชาชนฯ ทนายความส่วนตัวขอ ร.ต.ท.จรูญเดินทางมาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี คดีเหมายลขดำที่ พ.1230/2560 กรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล จำเลย ซึ่งคดีนี้ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 1 พ.ค.2561 โดยนายษิทรา ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจึงแล้วเสร็จ


นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยภายหลังถึงประเด็นที่เดินทางมาในครั้งนี้ ว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อขอให้ศาลจำหน่ายในคดีแพ่ง ที่จะมีการสืบพยานโจทก์ในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยได้ให้เหตุผลว่าคดีนี้เขาได้มีการฟ้องคดีอาญาในข้อหาว่าคุณลุงจรูญ ยักยอก รับของโจร เรื่องของลอตเตอรี่ที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่ ซึ่งมันมีประเด็นคดีเดียวกัน ซึ่งคดีแพ่งจำต้องถือตามคดีอาญา อีกทั้งสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเราได้ทำหมายขอไว้แล้ว แต่เราได้มาตรวจสอบแล้วปรากฏว่าสำนวนยังไม่เข้า เราจึงให้เหตุผลดังกล่าวยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งเลื่อนคดีแพ่งออกไปก่อนเพื่อให้รอผลในคดีอาญา

"ทนายตั้ม" ลุยเดี่ยว! ยื่นศาลกาญฯจำหน่ายคดีแพ่ง หวย 30 ล้าน รอฟังผลคดีอาญา

แฟ้มภาพ


ส่วนศาลจะรับหรือไม่รับก็แล้วแต่ดุลยพินิจของท่าน แต่ว่าตามหลักของกฎหมายคดีแพ่งก็ต้องถือตามคดีอาญา ซึ่งยังไงก็ต้องรอให้เป็นไปตามคดีอาญาอยู่ดี ยังไงขอรอดูดุลยพินิจของท่านอีกที ซึ่งท่านจะสั่งออกมาในวันที่ 1 พ.ค.ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยาน


ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ปธ.ปปช.ออกมาแย้มว่าอาจจะมีการส่งสำนวนกลับ ซึ่งการส่งสำนวนกลับก็คงจะเป็นในประเด็นที่ว่า ทางอัยการส่งมาให้กับทางกองปราบ ในส่วนสำนวนของผู้การสุทธิ (พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี)ก็คงจะดำเนินการเพราะอยู่ในร่างของ ปปช.อยู่แล้ว แต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทาง ปปช.ว่าอยู่ในอำนาจของกองปราบหรือของ ปปช.หรือไม่ ซึ่งถึงตรงนี้เรายังมีความมั่นใจในพยานหลักฐานที่เรามีอยู่ ต้องขอขอบคุณทางสอบสวนกลางและพนักงานสอบสวนของกองปราบด้วยที่รวบรวมหลักฐานมาค่อนข้างที่จะแน่นหนา แต่เราติดอยู่ที่ว่าขั้นตอนของกฎหมายที่เราจะขอหลักฐานตัวนี้มาได้เท่านั้นเอง แต่เมื่อไหร่ที่เราขอหลักฐานตรงนี้มาได้เราจะมีพยานหลักฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะนำมาใช้สู้คดีได้อย่างแน่นอน


ส่วนกรณีที่มีการฟ้องร้องซ้ำซ้อนกันนั้น ต้องขอบอกก่อนว่ามันเป็นสิทธิ์ของทั้งฝ่ายเขาและฝ่ายเราที่สามารถยื่นศาลในการฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ของเขาฟ้องร้องมาในประเด็นคุณลุงจรูญ ยักยอกและรับของโจร ส่วนฝ่ายเราฟ้องในประเด็นที่มีการเบิกความเท็จ เมื่อเดือนธันวาคม 60 ในคดีแพ่งในการขอไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่งมันเป็นคนละข้อเท็จจริงกันเลย


ฉะนั้นจึงไม่มีการซ้ำซ้อนอย่างแน่นอน ส่วนดุลยพินิจของศาลที่ถามกันมาว่า แบบนี้ศาลจะรับฟังคำเบิกความหรือว่าคำให้การน้ำหนักของพยานฝ่ายเขาแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นการชั่งน้ำหนักในพยานและหลักฐาน ซึ่งก็เป็นดุลยพินิจของศาล เพราะว่าทางอีกฝ่ายหนึ่งได้ถูกตำรวจกองปราบแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาแจ้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และก็ให้การเท็จ


ซึ่งถ้าถามตัวผมเองก็คิดว่าน้ำหนักตรงนี้มันคงจะน้อยแล้ว เพราะว่าเขาถูกดำเนินคดีในข้อหาเรื่องให้การเท็จ ส่วนศาลท่านจะใช้ดุลยพินิจรับฟังแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน อันนี้ไม่ขอก้าวล่วง สำหรับการที่มีการฟ้องร้องกันทั้งสองฝ่ายนั้น มันไม่ได้ทำให้ประชาชนสับสน


"ยกตัวอย่างเช่นตอนที่มีการไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งต่างฝ่ายก็ต่างร้องทุกข์ แต่ท้ายที่สุดแล้วพนักงานสอบสวนก็ต้องมีแนวทางออกไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคุณลุงจรูญ ว่าไม่ใช่เป็นผู้กระทำผิด แต่ว่ามีความเห็นสั่งฟ้องทางคุณครูปรีชาไป ซึ่งเดี๋ยววันไต่สวนมูลฟ้องศาลท่านก็จะพิจารณาพยานหลักฐาน ว่าของคนไหนมีมูลหรือไม่มีมูล ส่วนจะไต่สวนว่ามีมูลทั้งสองฝ่ายได้ไหมอันนี้มันก็ขึ้นกับดุลยพินิจ แต่คงจะไม่ใช่มีฝ่ายถูกทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน"นายษิทรา เผย

logoline