ไม่เพียงเท่านี้ เน้นการกระจายอำนาจไปสู่ภูมิภาคด้วยการจัดตั้งเขตสุขภาพ มีคณะกรรมการเขตสุขภาพเป็นกลไกสำคัญในการตัดสินใจเพื่อบริหารระบบสุขภาพในเขตให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับปัญหาสุขภาพในแต่ละพื้นที่ ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด โดยการขับเคลื่อนทั้ง 2 เรื่องนี้ จะต้องออกกฎหมายเป็นร่าง พ.ร.บ.โครงสร้างการบริหารระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... และดำเนินการจัดตั้งกองทุนสุขภาพระดับเขตพื้นที่ เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งปรับบทบาทกระทรวงสาธารณสุข ให้ทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านสุขภาพของประเทศ (National Health Authority)
นอกจากนี้ พัฒนาระบบเทคโนโลยีีและสารสนเทศสุขภาพ เพื่อให้มีฐานข้อมูลด้านสุขภาพของประเทศ ที่จะสามารถนำมาใช้สนับสนุนการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ด้านสุขภาพได้จริง เช่น การเงินการคลัง การบริการในระบบสุขภาพและสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ เป็นต้น คาดว่าในระยะเวลา 5 ปี ใช้วงเงินราว 8,890 ล้านบาท เฉลี่ย 1,178 ล้านบาทต่อปี หรือเท่ากับ 27 บาทต่อคนต่อปี และมีคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพ ที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายกำลังคนสุขภาพของประเทศ
ด้านระบบบริการสาธารณสุข เน้นระบบบริการปฐมภูมิ มีการให้บริการและระบบบริการปฐมภูมิ(Primary Care Cluster:PCC) ที่สมบูรณ์เป็นจุดเชื่อมระหว่างบริการระดับปฐมภูมิและทุติยภูมิ โดยขยายคลินิกหมอครอบครัวให้มีจำนวน 2,280 ทีม มีระบบการลงทะเบียนชื่อแพทย์คู่กับประชาชนครอบคลุมทุกคลินิกหมอครอบครัว สำหรับระยะสั้น 1 ปี จะมีการพัฒนาชุุดสิทธิประโยชน์จำเพาะ(Specific Package) ตามความต้องกรจำเพาะและจำเป็นด้านสุขภาพของแต่ละพื้นที่ โดยมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.) ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการ และจัดตั้งกองทุนบริการปฐมภูมิ เป็นกองทุนเฉพาะสำหรับระบบริการปฐมภูมิและคลินิกหมอครอบครัว ซึ่งจะมีการพิจารณารายละเอียดต่อไป
ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เน้นความรู้เท่าทันด้านสุขภาพ ต้องพัฒนาระบบสื่อสารสุขภาพ ให้มีระบบการคุ้มครองด้านการสื่อสาร โดยมีหน่วยงานกลาง คัดกรองข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น ถูกต้อง ทันการณ์และมีประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตรวจจับข้อมูลเท็จ ตอบโต้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจจัดกรสุขภาพได้ด้วยตนเอง โดยมีเป้าหมายให้การเจ็บป่วยที่ป้องกันได้ลดลง จำเป็นต้องออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ
และ ด้านความยั่งยืนและเพียงพอด้านการเงินการคลังสุขภาพ มุ่งเน้นเรื่องระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐ โดยทั้ง 3 กองทุน คือ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า(บัตรทอง) ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ จะมีการจัดทำ 3 ชุดสิทธิประโยชน์ หรือ 3 แพ็กเกจในการรักษา ได้แก่ 1.ชุดสิทธิประโยชน์หลักหรือสิทธิประโยชน์จำเป็น ทุกสิทธิได้รับเหมือนกัน 2.ชุดสิทธิประโยชน์เสริม 1 แต่ละกองทุนพิจารณาจ่ายเพิ่มเติมให้ผู้ใช้สิทธิเอง และ 3.ชุดสิทธิประโยชน์เสริม 2 ส่วนที่ประชาชนจะต้องจ่ายเงินเองหากต้องการใช้บริการที่เพิ่มเติมขึ้น
"แนวคิดเรื่องการปฏิรูปจะคิดตรงข้าม มุ่งที่ประชาชนก่อนว่าจะได้รับประโยชน์อะไร แต่ถ้าหากคิดจากข้างบนลงมาข้างล่าง การปฏิรูปจะไม่เกิด และแผนปฏิรูปด้านสาธารณสุขที่มีการกำหนดไว้นี้ ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาบริหารประเทศก็จะต้องดำเนินการต่อ อาจจะมีการเปลี่ยนตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ แต่ในส่วนของแผนปฏิรูป 4 ด้าน 10 ประเด็นจะต้องยังคงอยู่และเกิดการขับเคลื่อนไป" นพ.เสรี กล่าว
10 ประเด็นปฏิรูปด้านสาธารณสุข
1.ระบบบริหารจัดการด้านสุขภาพ
2.ระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศสุขภาพ
3.กำลังคนสุขภาพ
4.ระบบริการปฐมภูมิ
5.การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยเพื่อเศรษฐกิจ
6.การแพทย์ฉุกเฉิน
7.การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
8.ความรอบรู้ด้านสุขภาพ
9.การคุ้มครองผู้บริโภค
10.ระบบหลักประกันสุขภาพ