แต่จะว่าไป เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง และการก่อการร้าย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยให้ข้อมูลบนเวทีสัมมนาแห่งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วว่า มีคนไทยเป็นสมาชิกไอเอส และเดินทางไปพำนักที่ตะวันออกกลาง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันข้อมูลเช่นนี้สู่สาธารณะ แต่ก็ถูกฝ่ายความมั่นคงปฏิเสธมาโดยตลอด
ทว่า ล่าสุดเมื่อคนระดับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยังยอมรับทิศทางการขยายอิทธิพลของไอเอสในภูมิภาคนี้ ไม่เว้นในประเทศไทย จึงมีประเด็นที่น่าพูดคุยกับอาจารย์จรัญอีกครั้ง เพื่อสอบถามสถานการณ์ล่าสุดของกลุ่มรัฐอิสลามและผู้สนับสนุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนความเกี่ยวโยงกับไทยและไฟใต้
อาจารย์จรัญ อธิบายว่า สถานการณ์ของไอเอสหลังจากถูกปราบปรามอย่างหนักในอิรักและซีเรีย ทำให้นักรบและสมาชิกไอเอสแตกออกเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มแรก เป็นคนนอกภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้ตัดสินใจกลับบ้าน กลับประเทศที่ตนเองจากมา และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้อีก
กลุ่มที่ 2 เป็นคนนอกภูมิภาคตะวันออกกลางเช่นกัน ถึงแม้จะกลับบ้าน แต่ยังหาโอกาสตอบโต้ฝ่ายที่ปราบปรามตนเองอยู่ พวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและอเมริกา ซึ่งที่ผ่านมาก็ก่อเหตุรุนแรงในรูปแบบต่างๆ หลายครั้ง
กลุ่มที่ 3 คือพวกที่เป็นชาวตะวันออกกลางอยู่แล้ว กลุ่มนี้ก็เคลื่อนไหวในพื้นที่ต่อไป
แต่จริงๆ แล้วมีข้อมูลว่า มีคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเรียนอยู่ที่ตะวันออกกลาง สนใจแนวทางของไอเอส รวมทั้งไปอยู่ร่วมกับไอเอส แต่ก็เป็นข้อมูลที่ไม่ชัดเจนมากนักว่าไปร่วมรบด้วยหรือไม่ นอกจากนั้นที่ผ่านมายังมีข่าวว่า สมาชิกไอเอสเดินทางผ่านไทย หรือพยายามเข้ามาพำนักในไทย แต่ฝ่ายความมั่นคงไทยก็ผลักดันออกไป
ฉะนั้นสถานการณ์ไอเอสที่เกี่ยวกับไทยในขณะนี้ ก็คือมีผู้สนับสนุนแนวทางของไอเอสจริง แต่ไม่ได้ไปร่วมรบ หรือถึงขั้นเตรียมตั้งรัฐอิสลามในประเทศไทย เพราะเมื่อไอเอสเลือกแนวทางใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขีดจำกัด ผู้ที่เคยนิยมชมชอบก็ถอยห่างออกมา เพราะคนไทยหรือมุสลิมไทย รวมทั้งกลุ่มที่เคลื่อนไหวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มีจริตหรือนิยมความรุนแรงแบบไอเอส
"ผมเห็นว่าคนสนับสนุนหรือสนใจไอเอสในภาคใต้ก็มี ภาคกลางก็มี แต่ไม่ได้ไปร่วมรบ ไม่ได้ไปร่วมกับขบวนการ เพียงแต่นิยมชมชอบแนวคิด เพราะเป็นทางออกของมุสลิมที่กำลังผิดหวังกับการถูกกดดันจากนโยบายของชาติตะวันตก ฉะนั้นเมื่อไอเอสเสนอตั้งรัฐอิสลาม ก็ทำให้หลายคนฟังแล้วรู้สึกว่าดี จึงโน้มเอียงไปให้การสนับสนุน แต่เมื่อไอเอสเลือกใช้ความรุนแรง คนส่วนใหญ่ก็ถอยออกมา บางคนก็ยืนยันว่าจริตของการต่อสู้ในภาคใต้กับไอเอส เป็นคนละแบบ"
"ข่าวคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสที่ออกมาล่าสุดนี้ ผมจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ แต่อาจเป็นการไปพูดคุยเพราะจิตใจโน้มเอียง แล้วก็ไปคุยในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะใช้ความรุนแรง คงเป็นความช่วยเหลือทางจิตใจ ทางความรู้สึกมากกว่า" นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางและโลกมุสลิม ระบุ
"ไทยเป็นประเทศในแบบที่ว่า อะไรที่ตัวเองไม่เกี่ยว เราก็จะไม่เข้าไปยุ่ง กรณีของไอเอสก็เช่นกัน ไอเอสไม่ได้เป็นปรปักษ์กับไทย และเท่าที่ดูการตอบโต้ของไอเอส จะตอบโต้คนที่ปราบปรามเขาเป็นหลัก ส่วนประเทศไหนที่ไม่เกี่ยว เขาก็ไม่ยุ่ง ฉะนั้นสำหรับไทยก็ไม่ต้องไปแสดงออกอะไรน่าจะดีที่สุด ไม่ต้องไปแสดงออกว่าจะไล่ล่าปราบปราม ที่สำคัญไอเอสกำลังค่อยๆ สลายตัว โดยเฉพาะไอเอสในภาพใหญ่ เราไม่ค่อยเห็นปฏิบัติการหรือความเคลื่อนไหวของเขาเป็นเวลาสัก 6 เดือนได้แล้ว และแม้จะมีการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ต่างๆ ของยุโรปและอเมริกา แต่การอ้างถึงไอเอสน้อยลงไปเยอะ หลายๆ กรณีก็เป็นการกระทำของคนชาตินั้นๆ เอง"
ส่วนสถานการณ์ในตะวันออกกลางจากวิกฤติซีเรียที่สหรัฐและชาติมหาอำนาจพันธมิตรเปิดฉากโจมตีทางอากาศอีกระลอกหนึ่งนั้น อาจารย์จรัญ มองว่า ยังไม่มีสัญญาณชัดว่าเหตุการณ์จะบานปลาย ส่วนท่าทีของไทยก็ควรรักษาสถานภาพการเป็นมิตรกับทุกฝ่าย เพราะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศในตะวันออกกลาง ถือว่ามีความสัมพันธ์ค่อนข้างดี ยกเว้นกรณีเพชรซาอุฯ เท่านั้น อีกทั้งไทยยังเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ของโอไอซี (องค์การความร่วมมืออิสลาม)
"ความสัมพันธ์ไทยกับอิหร่านก็นานที่สุดในประเทศตะวันออกกลาง เพราะมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการไปเยือนกัน ผลัดกันเยือน ฉะนั้นก็ต้องรักษาท่าที สถานการณ์ตอนนี้เป็นแข่งกันระหว่าง 2 ขั้วอำนาจใหญ่ คือ อิหร่าน กับซาอุฯ ฉะนั้นไทยควรรักษาความเป็นกลาง และหากจะพูดถึงไอเอส ทั้งอิหร่านและซาอุฯก็ต่อต้านไอเอส เหตุนี้ไทยจึงควรรักษาสถานภาพ เป็นมิตรกับทุกฝ่ายดีที่สุด" อาจารย์จรัญ กล่าวทิ้งท้าย
แหล่งข่าวระดับสูงจากหน่วยงานความมั่นคง ให้ข้อมูลว่า ฝ่ายความมั่นคงไทยได้เกาะติดความเคลื่อนไหวของคนไทยที่มีแนวโน้มให้ความสนใจหรือเข้าไปเกี่ยวข้องสนับสนุนกลุ่มไอเอสมาตลอด และพบว่ามีมุสลิมไทยที่สนใจสนับสนุนแนวคิดของกลุ่มรัฐอิสลามจำนวนมาก วิธีการตรวจสอบส่วนหนึ่งก็คือ การติดตามความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดีย ข้อมูลที่ตรวจสอบพบผู้ที่สนับสนุนแนวคิดไอเอส เคยสูงถึงร่วม 5,000 คน
จากข้อมูลนี้ จึงมีความเป็นไปได้ หากจะมีใครสักคนคิดจัดตั้งเครือข่ายไอเอสขึ้นมา เพียงแต่ข้อมูลการข่าวที่ฝ่ายความมั่นคงไทยดำเนินการทุกด้าน ยืนยันว่ายังไม่พบว่ามีคนประกาศตัวเป็นผู้นำไอเอสในประเทศไทย สิ่งที่พบคือ คนเหล่านี้เชื่อถือและติดตามคำสอนของผู้นำไอเอสในอินโดนีเซีย