svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

'บิ๊ก' น้ำตาร่วง 22 ปีในวงการเพิ่งสัมผัสความดัง

19 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"บิ๊ก" ศรุต วิจิตรานนท์ เผยน้ำตาไหล หลังคนแห่พูดถึงฉากดราม่าหนักพระเพทราชา-พระนารายณ์ ดีใจที่คนชื่นชม พร้อมยันไม่เคยน้อยใจที่ตลอด 22 ปีไม่ดัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาเร็วเคลมเร็ว!! 'บุพเพสันนิวาส' รีรัน  7 พ.ค.นี้


เก่งจริงแม่หญิงจันทร์วาด!! "ปราง กัญญ์ณรัณ" สีไวโอลินเพลงบุพเพฯ อวดออเจ้า


เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากจากละครเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" สำหรับ "บิ๊ก" ศรุต ในบท "พระเพทราชา" โดยเฉพาะฉากการปะทะอารมณ์กันของ "พระเพทราชา" และ "พระนารายณ์" ในเรื่อง ทำให้หลายคนแห่ชื่นชมฝีมือการแสดงอันเฉียบขาดของนักแสดงหนุ่มคนนี้ โดย "บิ๊ก" เผยถึงความดังที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวนี้ว่า 

ผมไม่ได้อยู่ในจุดตรงนี้มาตั้งแต่แรก การที่จะไปออกอีเว้นท์ ให้ร้องเพลงผมก็เขิน เพราะว่าผมเป็นนักดนตรี ซึ่งเรารู้ว่าการร้องเพลงอันนี้มันดีหรือไม่ดี เรารู้ตัวเอง เาเลยรู้สึกว่าถ้าเรายังทำไม่ดีก็ไม่อยากทำ ไปร้องเพลงก็อายอีก มันก็หลายๆ อย่าง ที่ผ่านมาผมไม่ได้มีผู้จัดการ แต่ตอนนี้ต้องมีแล้ว คือผมไม่เคยอยู่ตรงจุดนี้ ตลอด 22 ปีในวงการมา พอมาอยู่ตรงจุดนี้ปุ๊บเราก็แบบงงว่าเราต้องทำยังไง ทำตัวไม่ถูกเลยหาผู้จัดการดีกว่า ที่มีผู้จัดการไม่ใช่เพราะว่ามีปัญหา แต่พอเขาติดต่องานมา ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ต้องเรียกค่าตัวเท่าไหร่ ทำอะไรบ้าง พอไปก้ไปคนเดียว มันก็จะเด๋อๆ ด๋าๆ เลยหาพาร์ทเนอร์ให้เราดีกว่า ถามว่าจะมีโอกาสในการเปิดรับงานมากขึ้นไหม ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ถามว่าเรื่องค่าตัวจะเพิ่มขึ้นไหม คงไม่หรอก ค่าตัวผมก็ปกติ ถ้าพูดถึงบุพเพสันนิวาสในการเล่นของผม กับอีกประมาณ 10 กว่าเรื่องที่ผ่านมาก่อนที่จะมาถึงบุพเพฯ ผมก็เล่นแบบนี้และก็ทำงานแบบนี้ มีเท่าไหร่เราก็ใส่ไปหมดทั้งตัวที่เรามีนั่นแหละเวลาเล่น เพียงแต่ว่าบทของบุพเพสันนิวาสเป็นบทที่อะไรหลายๆ กับอารมณ์ที่ถูกสร้างมาในเรื่อง ละครเรื่องนี้เหมือนเปิดโอกาสในาชีพให้ผมมากขึ้น มีคนอยากที่จะรู้จักเรา มีคนอยากที่จะสัมผัสเรามากกว่าที่เห็นในทีวี อยากได้เราไปอีเว้นท์ ผมก็รู้สึกว่าผมก็ไม่อยากเสียโอกาสเหมือนกัน" นักแสดงหนุ่มเผย

'บิ๊ก' น้ำตาร่วง 22 ปีในวงการเพิ่งสัมผัสความดัง

ถามต่อว่ารู้สึกยังไงที่อยู่ๆ ตื่นขึ้นมาแล้วดังชั่วข้ามคืน และมีแต่คนพูดถึง


"22 ปีที่ผ่านมา จนมาวันนี้ที่คนให้ความสนใจเรา คือผมรู้สึกดีนะ ไม่ได้รู้สึกน้อยใจเลย แต่มันเป็นความรู้สึกดีมากกว่าว่าในที่สุดวันหนึ่ง สิ่งที่เราตั้งใจฟังมันมีคนเห็นไง ผมไม่รู้ว่าด้วยจังหวะหรือด้วยโอกาส หรือด้วยโชคชะตาหรือด้วยอะไรก็ไม่รู้ แต่ว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำมาตลอด เราถูกสอนมาตลอดว่าเวลาที่เราแสดงเราต้องทำยังไง เราควรเป็นนักแสดงยังไง มันถูกส่งมาให้เห็นในตอนนี้ มันดีใจ มันภูมิใจ ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรที่ๆ ผ่านมางานจะน้อย อีเว้นท์จะไม่มี เฉยๆ


ย้อนกลับไปวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วทุกคนโพสต์ถึง ทวิตหา และพูดถึงเรา วันนั้นน้ำตาไหล ไม่บอกใครเลยนะ อายจริงๆ นะ วันนั้นเลยเป็นวันที่สมัครทวิตเตอร์ด้วย แล้วก็อ่านที่ทุกคนพูดถึงเรา (หัวเราะ) โอ้ยเขิน (น้ำตาคลอเบาๆ) สมัครทวิตเตอร์แล้วเข้าไปอ่าน คือมันบอกไม่ถูก คือมันเป็นซีนของพระเพทราชา พระนารายณ์ ซึ่งเราก็รู้สึกกับซีนนั้นแบบบอกไม่ถูก ผมไม่ได้รู้สึกว่ากำลังแสดงละครอยู่ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมคือพระเพทราชา และคนที่ยืนตรงหน้าผมคือพระนารายณ์ ในความรู้สึกตอนนั้นคือผมมาประท้วงพี่ชาย ว่าทำไมถึงทำอย่างนี้กับพี่ชายอีกคนหนึ่ง ไอ้คนที่ฟ้องมันคือฝรั่ง มันไม่ใช่คนไทย มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดข้างในหัวใจ ไอ้การที่เราแสดงออกมานั้นมันอยู่บนความเกรียวกราด ทั้งที่มันเป็นเรื่องของความอ่อนไหวของหัวใจ พอเรารู้สึกว่าเราเล่นตรงนั้น และเรารู้สึกแบบนั้นในละคร แล้วมันดีที่สุดที่คนดูสัมผัสตรงนั้นได้ แล้วเขาเขียนคำพวกนั้นกลับออกมา ในสิ่งที่เรารู้สึกออกไป มันเลยแบบโคตรปลื้มเลย" บิ๊กกล่าว       

'บิ๊ก' น้ำตาร่วง 22 ปีในวงการเพิ่งสัมผัสความดัง

'บิ๊ก' น้ำตาร่วง 22 ปีในวงการเพิ่งสัมผัสความดัง

logoline