"เฉลิมเกียรติ" โชว์ฝากบ้านกับตำรวจ ทรัพย์สินปลอดภัย 100 %

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เม.ย.2561 ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. ร่วมกันแถลงสรุปผลการปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วยการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ การตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด (ว.43) พื้นที่จุดเสี่ยง จุดล่อแหลม เพื่อป้องกันเหตุ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ประชารัฐร่วมใจ สงกรานต์ปลอดภัย (Safety Songkran Festival 2018) การให้บริการศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ทั่วประเทศ เสริมการให้บริการประชาชนผ่านทางแอพลิเคชั่น police I lert u การตรวจตู้แดงด้วยระบบ QR Code ของ บช.น. การจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ก่อเหตุกระทำความผิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นต้น


พร้อมสรุปผลการปฏิบัติงานภายใต้โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้านตำรวจ) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามนโยบายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณรมว.กลาโหม และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์ และการรักษาความสงบเรียบร้อยช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 โดยดำเนินการตามนโยบาย "ประชารัฐ" ในการบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน ระหว่างรัฐกับประชาชนในการที่จะป้องกันอาชญากรรม และลดอุบัติเหตุทางถนนให้ลดลงเหลือน้อยที่สุด

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และรักษาความสงบเรียบร้อย ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ให้ทุกหน่วย บช.น., ภ.1-9 ถือปฏิบัติ กำหนดระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 1-10 เม.ย.61 เน้นเป้าหมายยาเสพติด อาวุธปืน และ การจับกุมตามหมายจับค้างเก่า ซึ่งคาดว่าบุคคลตามหมายจะเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้มีการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด พร้อมกันทั่วประเทศทุกหน่วยมีผลการระดมกวาดล้าง จับกุม เป็นที่น่าพอใจ ส่วนในเชิงป้องกัน ให้กำหนดแผนการตรวจจัดระบบสายตรวจ มีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด (ว.43) ในพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม เพื่อป้องกันเหตุให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์อาชญากรรมแต่ละพื้นที่ กวดขัน ตรวจตรา สถานบริการ และสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ โดยเฉพาะเวลาเปิด-ปิด การตรวจอาวุธปืน ยาเสพติด ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด การรวมทั้งจับกุมความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายการห้ามจำหน่ายกับบุคคล สถานที่ห้ามจำหน่าย ทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ตามคำสั่ง หน.คสช.ที่ 22/2558 ลงวันที่ 22 ก.ค.58 อย่างเคร่งครัด


ปีนี้ได้ประชาสัมพันธ์กิจกรรมประชารัฐร่วมใจ สงกรานต์ปลอดภัย "Safety Songkran Festival 2018" ให้ประชาชน ทราบถึงความพร้อมการให้บริการของศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ทั่วประเทศ โดยใช้แอพลิเคชั่น Police I Lert U เสริมประสิทธิภาพการรับแจ้งเหตุให้กับพี่น้องประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 โดยมีหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง ทุกค่ายทุกสำนัก เข้าร่วมในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และเชิญชวนประชาชน    การทำงานของแอพลิเคชั่น Police I Lert U เมื่อผู้ใช้แอพฯ กดแจ้งเหตุ ระบบจะเชื่อมสัญญาณไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร สัญญาณจะเชื่อมต่อไปยังสถานีตำรวจพื้นที่ที่รับผิดชอบเหตุ ได้โดยตรงทั้ง 88 สถานี


ส่วนพื้นที่อื่น 76 จังหวัด หลังจากรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ 191 จะประสานแจ้งไปยังสถานีตำรวจภูธรพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินการต่อไป โดยได้มีประชุมซักซ้อม เตรียมความพร้อมการปฏิบัติของศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ทั่วประเทศ และการใช้แอพลิเคชั่น Police I Lert U ไว้แล้ว โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบ ลงทุกพื้นที่ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน


เดินทางตรวจเยี่ยมความพร้อม และกำชับการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุ บก.สปพ. ศูนย์วิทยุ บก.จร. และศูนย์วิทยุ บก.น.1-9 รวมตลอดถึง ศูนย์วิทยุของทุก สน. พร้อมทั้งได้มอบของตรวจเยี่ยม เพื่อเป็นขวัญกำลังให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุ ทุกศูนย์ และกำชับให้ ผู้บังคับบัญชา ที่รับผิดชอบศูนย์วิทยุ ควบคุม กำกับ ดูแล อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการรับแจ้งเหตุจากพี่น้องประชาชน ในการที่จะช่วยกันป้องกันอาชญากรรม และลดอุบัติเหตุด้านการจราจร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีนี้ ได้เป็นอย่างดี

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ในภาพรวม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.โครงการประชารัฐร่วมใจ ดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (เทศกาลสงกรานต์ปี 2561) ห้วงวันที่ 11-17 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา มีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ทั้งสิ้น 8,348 หลัง คืนแล้ว 6,598 หลัง คงเหลือ 1,750 หลัง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน 2,421 หลัง หรือคิดเป็นร้อยละ 40.8 โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการคืนบ้านให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความปลอดภัย ไปจนกว่าจะคืนบ้านหลังสุดท้ายให้กับเจ้าของบ้าน ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจพื้นที่ ที่รับผิดชอบตามโครงการ ว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติกับบ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ แต่อย่างใด

2.สรุปการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ผ่านหมายเลข 191 สามารถสรุปได้ดังนี้


2.1 สรุปข้อมูลการแจ้งผ่านศูนย์ 191 กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ห้วงระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.2561 มีสายเข้า 6,489 ครั้ง เป็นเรื่องร้องเรียน/แจ้งเบาะแส จำนวน 5,196 ครั้ง งานบริการ 1,293 ครั้ง ในส่วนการรับแจ้งเหตุฯ ของต่างจังหวัดอีก 76 จังหวัด จะได้รวบรวมให้ทราบต่อไป


2.2 สรุปข้อมูล แอพพลิเคชัน Police I lert U ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 4-15 เมษายน 2561 มียอดดาวน์โหลดแอพลิเคชัน รวมทั้งสิ้น 29,576 ดาวน์โหลด ทำให้ปัจจุบัน มียอดดาวน์โหลด รวมทั้งสิ้น 354,566 ดาวน์โหลด ซึ่งมียอดการแจ้งเหตุจริงจากพี่น้องประชาชน รวมทั้งสิ้น 134 ครั้ง


3.สถานภาพคดีอาญา ห้วงวันที่ 11 - 17 เมษายน 2561 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตร่างกาย มีคดีเกิด 213 ราย จับกุม 125 ราย คดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น เกิดขึ้นมากที่สุด 100 ราย สามารถจับกุมได้ 47 ราย ผู้ต้องหา 72 คน ประสิทธิภาพการจับกุมร้อยละ 57 ส่วนคดีทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย เกิดขึ้น 9 ราย สามารถจับกุมได้ทั้ง 9 ราย ประสิทธิภาพการจับกุม 100% โดยเฉพาะคดีอุกฉกรรจ์ ที่เกิดในพื้นที่ จ.ลพบุรี เสียชีวิต 1 ราย ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้ว ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุ มาดำเนินคดี


พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวด้วยว่า สำหรับความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เกิดขึ้น 442 ราย จับกุมได้ 227 ราย ส่วนมากเป็นคดีลักทรัพย์ เกิด 228 ราย จับกุมได้ 129 ราย ประสิทธิภาพการจับกุมร้อยละ 56.6 ส่วนคดีที่เป็นเป้าหมายสามารถควบคุมและป้องกันได้ คดีวิ่งราวทรัพย์เกิดขึ้น 4 ราย คดีชิงทรัพย์ เกิด 9 ราย จับกุมได้ 8 ราย ประสิทธิภาพในการจับกุม ร้อยละ 88.9 ถือได้ว่าประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดคดี ซึ่งมีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง