หลังสังคมออนไลน์สมาชิกผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชื่อว่าsukanyasaetiaoได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของตนเองพร้อมกับอัดคลิปวีดีโอระบุว่าแนะนำให้ดูทุกคลิปแล้วจะเข้าใจว่าทำไมโมโหมากโดนแท็กซี่ทะเบียน ทส-9435 กรุงเทพมหานคร สีเขียว-เหลืองปล่อยลงตรงมอเตอร์เวย์ ทางมาจากสนามบินสุวรรณภูมิสาเหตุเพราะคนขับไม่ยอมกดมิเตอร์แล้วไม่ได้บอกตั้งแต่ก่อนขึ้นรถ ไปห้วยขวาง ว่าจะเอา 500 ชื่อในบัตรเหลืองหน้ารถ ไม่ตรงกับชื่อที่แจ้งในบัตรที่ได้มาจากสนามบิน ไม่รู้ว่าคนขับเป็นคนเดียวกันกับที่อยู่ในบัตรหรือเปล่า แล้วพวกแมร่งไม่ต้องออกมาเรียกร้องนะว่าทำไมคนไปใช้grabกันหมด ก็เพราะพวกมึงเป็นกันยังงี้ไงดีนะเป็นกลางวัน ถ้าเป็นตอนกลางคืนจะเปลี่ยวขนาดไหน สงกรานต์แล้วจะทำยังไงก็ได้หรือ สงกรานต์แล้วไม่มีกฎหมายหรือ อีพวก....ขออภัยหยาบคายไปหน่อย กำลังโมโหอยู่ สติหลุดมาก มือสั่นไปหมด เหตุเกิดเมื่อบ่ายของวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา
จนกระทั่งในช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 16 เมษายน 2561 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงสามารถจับกุมตัวนายบุญช่วย ได้พร้อมรถแท็กซี่คันที่ก่อเหตุ และจากการตรวจค้นภายในรถยังพบยาไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ที่ซอกเบาะนั่งคนขับน้ำหนัก 0.4 กรัม และอุปกรณ์ในการเสพยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในรถแท็กซี่คันดังกล่าว จึงคุมตัวพร้อมของกลางมาทำการสอบสวน
นายบุญช่วย ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากเห็นแท็กซี่คันอื่นๆทำกันได้ จึงได้ทำบ้าง โดยไม่เปิดมิเตอร์แท็กซี่ แต่ใช้การเรียกเหมาในการใช้บริการต่อครั้ง ซึ่งผู้เสียหายรายนี้จะเดินทางไปห้วยขวาง ตนจึงเรียกค่าบริการหลังจากขับรถออกนอกสนามบินแล้ว แต่ผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายจึงบอกให้ผู้เสียหายลงจากรถโดยที่ตนจะเลือกพื้นที่ให้ผู้เสียลงเป็นพื้นที่ไม่เปลี่ยวหรือเป็นพื้นที่อันตรายแต่อย่างใด ตนยืนยันว่าช่วงเทศกาลแบบนี้แท็กซี่ทำแบบตนเกือบทุกคัน เพราะรถติดมากไม่คุ้มหากคิดตามหน้ามิเตอร์
นอกจากนี้นายบุญช่วย ยังมีการเสนอเงินติดสินบนเจ้าพนักงาน เป็นเงิน 5 พันบาทในขณะเข้าตรวจค้น เพื่อแลกอิสรภาพ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เล่นด้วยจึงถูกแจ้งข้อกล่าวเพิ่มอีก 1 กระทง ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์ ไว้ในความครอบครองเพื่อเสพโดยผิดกฎหมายเป็นผู้ขับขี่รถสาธารณะเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์ โดยผิดกฎหมายไม่ใช้มาตรวัดค่าโดยสารไม่ส่งผู้โดยสาร ตามสถานที่ตกลงกันไว้หรือพาผู้โดยสารไปทอดทิ้งระหว่างทาง และติดสินบนเจ้าพนักงาน ก่อนควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป