svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

12 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อย่างที่รู้ กระแสออเจ้าจากละคร "บุพเพสันนิวาส" โด่งดังยิ่งใหญ่กว่าพลุตะไลไฟพะเนียงทั้งหลายแหล่ ติดทำเนียบสร้างปรากฏการณ์จนอาจชนะละครไทยทั้งปวงด้วยซ้ำ !


ก็ต้องยกเครดิตให้ฝีมือของผู้ประพันธ์ จันทร์ยวีร์ สมปรีดา หรือ รอมแพง ที่แม้จะเขียนเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีมาแล้ว แต่ก็จับจุด จับจริตคนไทย ได้ตรงกึ๋น ถึงเซ่งจี๊ และโดน "ต่อมไทย" เข้าอย่างจัง !ถามว่าต่อมไทย ในบริบทของ "กระแสฮิตละครออเจ้า" คืออะไร ที่จริงมีการพยายามอธิบายมากมาย เช่นเป็นความกระหายในบรรยากาศแห่งอดีต แบบที่เรีกยว่า "Nostalgia" โหยหาวันชื่นคืนสุขสมัยก่อน



หรือหมายถึง การที่คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ต่างจากในห้องเรียน หรือต่อมไทยอาจจะหมายถึง การชื่นชอบที่จะได้ทำอะไรในกระแสเหมือนๆ กันก็ได้แต่ไม่ว่าต่อมไทยจะเป็นอะไรก็ตาม เมื่อโดนเข้าเต็มเปาขนาดนี้ ก็เกิดผลอะไรหลายๆ อย่างในสังคมไทย ชนิดไปหมดครบทุกมิติ ทั้งธุรกิจ สังคมวัฒนธรรม การศึกษา หรือแม้แต่ภาคการเมือง


ธุรกิจ



อย่างที่เห็นเลยโกยไปเต็มๆ ก็ช่อง 3 โดยรู้กันดีว่า หลังจากที่ยักษ์ใหญ่ย่านพระราม 4 แห่งนี้ เสียเรตติ้งให้แก่ทีวีดิจิทัลค่ายดังเรื่องเกมโชว์ไปก่อนหน้านี้ แต่ด้วยกระแสของออเจ้า ปรากฏว่า วันนี้สื่อทุกหัวถึงกับใช้คำว่า "พลิกฟื้น" มีตัวเลขเรตติ้งสูงสุด 17.437 โค่นแชมป์เก่า "นาคี" ช่องเดียวกัน ที่เคยได้เรตติ้งตอนจบที่ 17.291 ไปในที่สุด และยังฟันรายได้เข้าช่อง 500 ล้านบาท!!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!



แม้ว่าล่าสุดที่่ช่อง 3 เปิดเออร์ลี่รีไทร์พนักงานตามสมัครใจ ซึ่งสะท้อนความลำบากในระดับหนึ่ง แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ออร่าความโดดเด่น และการพูดถึงละครออเจ้าต้องถูกบดบังไป แถมเวลานี้ทางผู้จัดและผู้ประพันธ์ก็แท็กทีมกันสานต่อภาค 2 เพื่อให้คนไทยได้ฟินอีกครั้ง โดยว่ากันว่าราวปลายปีบทประพันธ์น่าจะแล้วเสร็จหันไปดูในธุรกิจโฆษณา สำหรับนักการตลาด นาทีนี้ไม่ต้องเหนียม พาเหรดออกมาโหนกระแสออเจ้า ส่ง Real Time Content ออกมาในหลายแบรนด์สินค้า เช่น ชวนออเจ้ากินไก่ทอด, หมูกระทะออเจ้า พูดง่ายๆ ว่าอะไรก็ตามต้องมีคำว่า ออเจ้า! จนเรียกกันว่า ออเจ้ามาร์เก็ตติ้งกันไปแล้ว!



แถมยังส่งผลกลับมาที่บรรดาดารานักแสดงที่พากับรับจ็อบวิ่งรับงานกันขาอ่อน มีอีเวนท์เก็บเงินเข้าพกเข้าห่อตัวเอง ส่งอานิสงส์ไปยังสถานที่จัดงาน เป็นปรากฏการณ์ห้างแตก ได้อีกไม่รู้เท่าไหร่ส่วนการท่องเที่ยวก็ดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกรุงเก่าอยุธยา คนไทยพากันแต่งองค์ทรงเครื่องย้อนยุค ไปหมดทั้งวัด ทั้งวัง กับกิมมิก "ตามรอยออเจ้า" เข้าสู่แดนดินถิ่นประวัติศาสตร์นำพาเม็ดเงินเข้ายังพื้นที่

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!



นี่ยังหมายถึงบรรดาร้านขายผ้าไทย ทั้งทั่วไป และออนไลน์ ก็ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ แม้ขนาดวัยรุ่นยังพากันแต่งองค์ทรงออเจ้าถ่ายรูปเพียบ แชร์โชว์ รู้สึกมีความสุขที่ได้เล่นตามกระแส นี่จึงสะท้อนว่าละครบุพเพสันนิวาสได้สร้างความผูกพันกับคนดูไปโดยปริยาย



สังคมวัฒนธรรม และการศึกษา



ตามที่เกริ่นไปว่า กระแสออเจ้ายังนำพาให้ความชื่นชมในวิถีไทยกลับคืนมา โดยนอกจากการกลับมานุ่งซิ่น ห่มสไบ ไปหมดทั้งแวดวงข้าราชการ และพนักงานสายการบินยังมีเรื่องของวัฒนธรรมการสื่อสารที่ภาษาโบราณอย่างในละครก็ได้รับความนิยม จนหลายคนมั่นใจว่าเด็กที่เกิดช่วงนี้ต้องมีชื่อว่า "น้องออเจ้า" เป็นแม่นมั่น !



ส่วนในวัฒนธรรมการอ่าน ล่าสุดรายงานตัวเลขจากสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยพบว่า หนังสือแนวประวัติศาสตร์ ได้ความรับนิยมสูงเป็นครั้งแรก แถมยังขยายไปสู่คนรุ่นใหม่อีกด้วย ใครจะนึกว่า "จินดามณี" วางเท่าไหร่ก็ขายหมดที่น่าสนใจคือในแวดวงการศึกษา กับข้อมูลช่วงวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบุว่า คณะยอดนิยมที่เด็กสนใจมากที่สุดปีนี้คือ "คณะโบราณคดี"



ไหนจะยังมีเรื่องของการส่งออกวัฒนธรรมแบบ Soft Power ที่หากใครเคยหลงใหลซีรีส์เกาหลีแดจังกึม จนต้องออกไปหาอาหารเกาหลีรับประทาน รู้ตัวหรือยังว่าโดน Soft Power ไล่ล่าจนเจอตัว



วันนี้ออเจ้าเอาคืนบ้าง เพราะบรรดาประเทศในกลุ่ม CLMV อย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ต่างก็นิยมละคร และภาพยนตร์ไทยกันหนึบ



และยังมีการนำนิยายไปแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั้ง จีน เวียดนาม รวมไปถึงการนำไปเผยแพร่ต่อทางยูทูบโดยมีการแปลซับไตเติ้ลในภาษาอื่นๆ อีกเพียบ

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!



การเมือง


เรื่องนี้ มีมุมมองของนักวิชาการ ผ่านตัวเลขของ "TV Digital Watch" ช่วง 21 กุมภาพันธ์-29 มีนาคม พบว่าละครออเจ้า ที่กรุงเทพฯ ครองแชมป์เรตติ้งสูงสุด เฉลี่ย 17.535 ขณะที่ภาคอีสานเรตติ้ง น้อยสุดเฉลี่ยที่ 9.418



กำพล จำปาพันธ์ อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ได้ระบุในมติชนออนไลน์ ออกมาเป็น 4 ประเด็นกว้างๆ แต่ประมวลสรุปได้ว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ อีสานเป็นดินแดนที่อยุธยาขยายอิทธิพลเข้าไปไม่ครอบคลุม คนอีสานจึงผูกพันกับฝั่งของล้านช้าง หรือลาว จึงไม่อินกับละครเรื่องนี้ และเนื้อเรื่องของบุพเพสันนิวาส มุ่งเน้นเรื่องราวเหตุการณ์และภาพชีวิตของคนภาคกลาง ไม่มีส่วนที่พูดถึงหรือสัมพันธ์กับชาวอีสานเลย



แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวเลข 9.4 ก็ไม่ถือว่าน้อย !



อย่างไรก็ดี ยังมีมุมมอง จากงานเสวนา "บุพเพสันนิวาส เรียนรู้สู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์" ซึ่งจัดขึ้นวันเดียวกับที่ละครออเจ้าลาจอ 11 เมษายน ที่ผ่านมา



โดยมีผู้ร่วมเสวนาหลายท่าน คือ หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัดละคร กรรมการผู้จัดการ บ.บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด, ศัลยา สุขะนิวัตต์ ผู้เขียนบทละครโทรทัศน์, ผศ.ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ ภาควิชาวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง, ผศ.ดร.ดวงกมล ชาติประเสริฐ ภาควิชาวารสารสนเทศ และ ผศ.มรรยาท อัครจันทโชติ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน โดยผู้ดำเนินรายการคือ ดร.เจษฎา ศาลาทอง



แต่กับประเด็นสำคัญที่่ว่า ภาคการเมืองควรนำความสำเร็จของละครเรื่องนี้มาส่งต่อทางนโยบายเพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ที่หมายถึงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ขายได้ทั้งในไทยและเทศอย่างไร



เรื่องนี้ป้าแดง ศัลยา สุขะนิวัตต์ กล่าวอย่างแหลมคมและท้าทาย และอาจจะถือเป็นการ "จับเฉาะ" ต่อมไทยแบบหนึ่ง ว่า "ส่วนตัวกลับคิดว่าสิ่งสำคัญ คือทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีความสุข เพราะคนไทยหลายคนไม่มีความสุขอื่นเลยนอกจากละคร เราจึงอยากทำละครให้คนไทยมีความสุขมากเท่าที่จะทำได้ อันนี้น่าจะเป็นเป้าหมายใหญ่ที่เป็นความพอเพียงของเรา ส่วนการที่จะไปถึงต่างประเทศนั่นน่าจะเป็นผลพลอยได้"

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!


แต่ถ้าจะถามว่า ทำอย่างไรให้ละครไทยไปกับยุค 4.0 ได้ ป้าแดงตอบอย่างแหลมคมว่า



"ถ้าจะขยับละครไทยให้ไปกับนโยบายนี้ เราต้องกลับมาดูตัวเอง ต้องยอมรับว่าเราด้อยในจุดไหน แล้วมันก็มี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวละครที่อยู่ในวังวนของเนื้อเรื่องเดิมๆ เป็นละครสูตร ทำแล้วมั่นใจว่าขายได้ มีคนดู"



พร้อมย้ำว่า แต่การจัดการนี้ไม่ใช่ฝ่ายผลิตละครฝ่ายเดียว มันต้องมี 3 ประสาน คือ ภาคเอกชน ประชาชน และรัฐ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยตอนนี้ภาคประชาชนน่าจะพร้อมที่ดูอะไรที่ตอบโจทย์ของเขามากขึ้นแล้ว ส่วนเอกชน ถ้ามีการประสานงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเขาก็คงจะสนับสนุน



"แต่พอมาถึงภาครัฐ รัฐพูดถึงแต่เกาหลีๆๆ จนเป็นเกาเหลาแต่ไม่ทำอะไรเลย จนบัดนี้รัฐทำอะไร รัฐก็ได้แต่พูดถึงละครเรื่องที่มันดังๆ ไม่อยากพูดว่ารัฐโหนกระแส ไม่ได้พูดคำนี้ บทเรียนเรื่องเหนือเมฆเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดมาก เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เราจะเขียนเรื่องคอร์รัปชั่นได้ เรื่องโกงทั้งแผ่นดินได้"



"ถ้าไม่ทำเป็นละครออกมา ความเจ็บปวดมันไม่ชัดเจน มันต้องเจ็บปวดเหมือนกับตอนที่ครูใหญ่โกงเงินไอ้ฟักในคำพิพากษา เพราะฉะนั้นต้องเท่าไหร่ 5.0, 6.0 หรือ 7.0 ถึงจะได้เขียนละครเหล่านี้ แล้วเราจะได้ออกจากคอนเทนต์เดิมๆ (แบบที่ออเจ้าทำได้) เสียที"



มุมนี้คงต้องพูดกันยาว แต่ที่แน่ๆ ยอมรับเลยว่ากระแสออเจ้าส่งผลดีีกับทุกแวดวง ที่ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ก็ยังมีตัวช่วยให้รอดกันไปได้ช่วงหนึ่ง ซึ่งถ้าจะถามว่าเรื่องนี้ชนะขาดละครไทยเรื่องอื่นตรงไหน ก็คงตรงนี้กระมัง !

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

แฮปปี้เอนดิ้ง! "ออเจ้า" กระตุ้น "ต่อมไทย" รอดทั้งแผ่นดิน!

logoline