เทคโนโลยียุคใหม่ ช่วยบูรณะโบราณสถาน "วัดไชยวัฒนาราม"

อิฐวัดไชยวัฒนารามมีอายุนับแต่วันแรกสร้างจนถึงวันนี้ 388 ปี นักวิศวกรรมโยธาบอกว่าอิฐโบราณมีมวลความหนาแน่นน้อยกว่าปูนซีเมนต์ 2 3 เท่า บวกกับปัจจัยความเสื่อมสภาพจากการเวลาที่ผ่านมานาน ก็ทำให้โบราณสถานแห่งนี้ ต้องเฝ้าระวังความแข็งแรงของโครงสร้างทางวิศวกรรมอย่างใกล้ชิด 

กลุ่มนักวิชาการ ที่ได้ทุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ที่ทำงานด้านอนุรักษ์โครงสร้างโบราณสถานตามหลักวิศวกรรม ให้ข้อมูลกับเนชั่นทีวี ว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้โบราณสถานในพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เสื่อมทรุด ทั้งจากภัยธรรมชาติที่มักเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ และฝีมือมนุษย์ รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากรถยนต์และเครื่องจักรต่างๆ

นักวิศวกรรมโยธาคนนี้ใช้เครื่องทีดีแสกน ตรวจวัดความโน้นเอียงขององค์เจดีย์ และพระปรางค์วัดไชยวัฒนาราม จนได้เป็นภาพ 3 มิติออกมา การเก็บข้อมูลเหล่านี้ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางวิศวกรรมชัดขึ้น ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างวัดไชยวัฒนาราม ยังอยู่ในภาวะสมบูรณ์แบบ แต่หากพบการทรุดตัว หรือ โน้มเอียงขององค์เจดีย์ หรือพระปรางค์มากผิดปกติ ก็จะเข้าไปบูรณะอย่างทันท่วงที

ชายคนนี้คือรองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม อดีตเป็นรองอธิบดีกรมศิลปากร ที่คร่ำหวอดเรื่องการบูรณะโบราณสถานในช่วงหลายสิบปีที่ผ่าน กิตติพันธ์ พานสุวรรณ บอกว่า วัดไชยวัฒนารามได้รับการบูรณะครั้งแรกเมื่อปี 2530 และบูรณะครั้งใหญ่อีกครั้งหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 การบุรณะโบราณสถานมีวัฒนาการมากขึ้นกว่าสมัยก่อน เช่นการอัดฉีดปูน เข้าไปในโบราณสถานยุคแรกทำเกิดความเสียหายมากกว่า ต่อมาเริ่มใช้วิธีฝังเสาฐานราก 

รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม บอกว่าจากกรณีนักท่องเที่ยว เพิ่มจำนวนมากขึ้น ถึงกว่า 3000 คนต่อวัน ตามกระแสละครดัง อิงประวัติศาสตร์ วัดไชยวัฒนารามยังสามารถรองรับได้ โดยขอให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามป้ายห้ามปีนป่าย หรือ ขึ้นไปด้านเนื่องจากเป็นพื้นที่อ่อนไหว ที่โครงสร้างวิศวกรรม อาจ รับน้ำหนักได้ไม่มากนัก