เผยสถิติปี 60 พบรถบรรทุกและรถบัส ขับเร็วกว่า 17 ล้านครั้ง

จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยว จาก ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ไปท่องเที่ยว จ.จันทบุรี กำลังเดินทางกลับเสียหลักข้ามเกาะกลางถนน ชนเพิงข้างทางพลิกคว่ำ บริเวณทางหลวงหมายเลข 304 ตอน วังน้ำเขียว - ดอนขวาง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 คนและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากทางผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนครอัจฉริยะ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รศ.ดร.เอกชัย สุมาลี จึงเปิดเผยถึงสถิติสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุของรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะจากการวิเคราะห์ Safety Analytics ในข้อมูล GPS พบมีการกระทำผิดขับเร็วเกินกำหนดรวมสูงถึง 17,218,811 ครั้ง ในปี 2560 ที่ผ่านมา จากจำนวนรถในระบบประมาณ 250,000 คัน พบว่า รถบรรทุกใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 101.58 กม./ ชม.ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์เส้นทางอันตรายสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารจากฐานข้อมูล HAIMS ในปี 2560 พบว่าทั่วประเทศมีบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและมีผู้เสียชีวิต 7 จุดสำคัญ ได้แก่ 1.ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วง กมที่ 708-726, 2.ทางหลวงหมายเลข 2 ช่วง กม.ที่ 20-36, 3.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วง กม.ที่ 126-130 (บริเวณใกล้ทางแยกตัดกับถนนพระราม 2), 4.ทางหลวงหมายเลข 9 ช่วง กม.ที่ 30-38 (บริเวณทางแยกเชื่อมต่อกับทางพิเศษฉลองรัช), 5.ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วง กม. ที่ 132-137, 6.ทางหลวงหมายเลข 41 ช่วง กม. ที่ 366 - 379, 7.ทางหลวงหมายเลข 304 ช่วง กม.ที่ 165-176 บริเวณทางแยกจากทางหลวงหมายเลข 33 และ กม.ที่ 190-250 บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลาน)ศูนย์วิจัยนครอัจฉริยะจึงร่วมกับกรมการขนส่งทางบก พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ด้วยเทคโนโลยี Global Positioning System: GPS ในการเก็บข้อมูลและศึกษาพฤติกรรมการขับขี่ ในด้าน ตำแหน่ง ทิศทางการเดินทาง และความเร็ว เป็นต้น นำมาวิเคราะห์เชิงลึกและช่วยควบคุม กำกับ ดูแลความปลอดภัยผู้ใช้รถใช้ถนน เชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการการเดินรถด้วยระบบ GPS กรมขนส่งทางบก ในรถขนส่งสาธารณะและรถบรรทุกตามประกาศ ตั้งแต่ปลายปี 2559 ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดมีรถที่ดำเนินการติดตั้งแล้วทั้งสิ้น 271,301 คัน ขณะเดียวกันยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น DLT - GPS ให้ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบเส้นทางและร้องเรียนปัญหาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว