ปูตินชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียสมัยที่ 4 ตามคาด

ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลาง (CEC) ของรัสเซี รายงานว่า วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเป็นผู้สมัครอิสระ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ด้วยคะแนน 75.91% หลังจากที่การนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้ว 70% ขณะที่ผล Exit Poll ชี้เขาจะสามารถคว้าชัยด้วยเสียง 73.9%

ขณะที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 110 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิ์เมื่อเวลา 15.00 GMT ของวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม ชาวรัสเซียได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 59.93% เพิ่มขึ้นจาก 58.3% ในการเลือกตั้งปี 2012


1. วลาดิมีร์ ปูติน คว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียสมัยที่ 4 ขาดลอย โดยชัยชนะครั้งนี้จะทำให้เขารั้งอำนาจบริหารประเทศนานถึง 25 ปี และจะมีอายุ 71 ปีเมื่อหมดวาระลงอีกครั้งในปี 2024-2025

ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลาง (CEC) ของรัสเซีย รายงานว่า วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเป็นผู้สมัครอิสระ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ด้วยคะแนน 75.91% หลังจากที่การนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้ว 70% ขณะที่ผล Exit Poll ชี้เขาจะสามารถคว้าชัยด้วยเสียง 73.9%

ตามมาด้วยพาเวล กรูดินิน จากพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซีย ได้คะแนน 13.39% และวลาดิมีร์ ไชรินอฟสกี จากพรรคลิเบอรัล เดโมเครติค ได้คะแนนเพียง 6.34%


2. ข้อมูลด้านการเมืองของรัสเซียที่ระบุว่า ปูตินซึ่งอยู่ในอำนาจทางการเมืองในตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรรีนานเป็นอันดับสอง ณ เดือนมีนาคม 2018 เท่าดับ 6,788 วัน รองจากโจเซฟ สตาลิน ที่อยู่ในอำนาจนานที่สุดถึง 10,636 วันในช่วงของการเกิดภาวะสงครามในยุคสหภาพโซเวียต (Soviet Union)


ในบรรดานำประเทศของรัสเซียจำนวน 11 คน เรียงลำดับบุคคลที่อยู่ในอำนาจนานที่สุด จนถึงน้อยที่สุดใน 5 อันอับแรก ประกอบด้วย อันดับ 1. โจเซฟ สตาลิน ผู้นำเผด็จการอยู่ในอำนาจนาน 10.636 วัน อันดับ 2. วลาดิมีร์ ปูติน 6,788 วัน อันดับ 3. เลโอนิด เบรซเนฟ 6,601 วัน อันดับ 4, นิกิต้า ครุสเชฟ 3,536 วัน และอันดับ 5. บอริส เยลซิน 3,395 วัน

สำหรับมิกาอิล กอร์บาชอฟ อยู่ในอำนาจนาน 2,480 วัน อยู่ในจังหวะที่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านหลังภาวะสงครามเย็นยุติ ในขณะที่อันดับ 11. วลาดิมีร์ เลนิน อยู่ในอำนาจเพียง 387 วันเป็นผู้สร้างประวัติศาสนตร์ในช่วงสงครามปฏิวัตืรัสเซียสู่ระบอบคอมมิวนิสต์


3. ประธานาธิบดีปูติน กล่าวให้คำมั่นว่า การบริหารประเทศของตนในสมัยที่ 4 จะเน้นเรื่องการปกป้องรัสเซียจากภัยคุกคามตะวันตก รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมือง

ล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลาง (CEC) ของรัสเซีย ประกาศให้ประธานาธิบดีปูตินชนะด้วยเสียง 76.4% หลังจากนับบัตรลงคะแนนไปแล้วกว่า 90% โดยที่อันดับ 2 ยังคงเป็นพาเวล กรูดินิน จากพรรคคอมมิวนิสต์ได้คะแนนโหวตเพียง 12%

ขณะที่การกล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะที่จัตุรัสแดงในใจกลางกรุงมอสโกนั้น ประธานาธิบดีปูตินกล่าวกับผู้สนับสนุนที่ส่งเสียงเชียร์ว่า ชัยชนะครั้งนี้ ถือเป็นผลโหวตไว้วางใจของประชาชนต่อความสำเร็จของรัฐบาลซึ่งได้มาด้วยความยากลำบาก และการรักษาไว้ซึ่งเอกภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องร่วมกันคิดถึงอนาคตของระเทศที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นอนาคตของลูกหลานชาวรัสเซียที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้


4. อย่างไรก็ตาม มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนพอใจจุดยืนแข็งกร้าวที่ประธานาธิบดีปูตินแสดงต่อชาติตะวันตก

รวมทั้งมีความเชื่อที่ว่า สหรัฐและอังกฤษคงจะเข้าใจแล้วว่า ไม่มีหนทางและโอกาสเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซียได้ และยังบ่งบอกว่า นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผลการเลือกตั้งของรัสเซียสะท้อนให้เห็นอีกว่า ไม่มีใครสามารถบงการชาวรัสเซียได้

แต่หลังจากนี้ความสัมพันธ์มอสโกกับตะวันตกได้เดินมาถึงจุดตกต่ำที่สุดอีกครั้งหนึ่งในยุคหลังสงครามเย็น ทั้งความขัดแย้งเรื่องซีเรีย ยูเครน ข้อกล่าวหาเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ รวมถึงกรณีการใช้สารพิษลอบทำร้ายอดีตสายลับหมีขาวและลูกสาวที่อพยพเช้าไปอยู่ในอังกฤษ


5. นอกจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลาง (CEC) ของรัสเซีย ระบุว่า เมื่อเวลา 15.00 GMT เมื่อวานนี้ ชาวรัสเซียได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 59.93% เพิ่มขึ้นจาก 58.3% ในการเลือกตั้งปี 2012 โดยที่ารเลือกตั้งครั้งนี้มีชาวรัสเซียที่มีสิทธิ์ออกเสียงราว 110 ล้านคน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ศึกเลือกตั้งครั้งนี้มีหนึ่งในผู้ที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 7 คนนั้น คือซเยนียา ซ็อบชาค อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ และเป็นผู้ท้าชิงหญิงเพียงคนเดียว