ดราม่าหวย 30 ล้าน ไปไกลถึง "เสื้อยืด กางเกงยีนส์"?

เรื่องเป็นอย่างนี้...

สองวันก่อน นายแผน ฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม พยานฝ่าย ครูปรีชา ไปร้องเรียนสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าถูกทนายความคู่กรณีในคดีหวย 30 ล้าน ข่มขู่ คุกคาม กล่าวหาให้ได้รับความเสียหาย จนต้องออกจากงาน นายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกสภาทนายความ ฝ่ายกิจการพิเศษ ก็รับเรื่องไว้


ทนายความที่ว่านี้ แม้นายแผน จะถูกยับยั้งไว้ไม่ให้เอ่ยชื่อต่อหน้าสื่อ เพราะเป็นข้อปฏิบัติของสภาทนายความ เพื่อป้องกันการฟ้องร้องกันภายหลัง แต่แน่นอนว่าทนายที่กำลังตกเป็นคู่กรณีกับนายแผน ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ที่เพิ่งถูกนายแผนแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางยี่ขัน พร้อมกับ นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี พิธีกรข่าวสุดแซบของช่องอมรินทร์ทีวี ก่อนหน้านี้นั่นเอง

หลังจากรับฟังข้อร้องเรียนจากนายแผน จนเข้าใจได้ว่ามีทนายความคนหนึ่งแสดงพฤติกรรมตามที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อุปนายกสภาทนายความฯ ท่านนี้ จึงชี้แจงต่อสื่อมวลชนที่แห่ไปทำข่าวกันหนาตาว่า เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียน จะส่งเรื่องไปให้คณะสอบสวน หากไม่ได้กระทำความผิดก็จะยกคำกล่าวหา แต่ถ้าทำผิดจริงจะได้รับโทษ มี 3 สถาน คือ ภาคทัณฑ์ ห้ามเป็นทนายความไม่เกิน 3 ปี และเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ


อุปนายกสภาทนายความฯ ย้ำว่า ประชาชนทั่วไป หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกดำเนินคดีและไม่มีเงินจ้างทนาย สามารถมาขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความได้ ส่วนกรณีนายแผน เมื่อเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และนำเรื่องมาร้องเรียน สภาทนายความจะรับเรื่องไว้โดยไม่เลือกข้างหรือแบ่งฝ่าย จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย


พิธีการรับเรื่องร้องเรียนและขอความเป็นธรรมของนายแผน ทำท่าจะจบแค่นี้ แต่พอมาถึงตรงนี้ นายพัฒนา อุปนายกสภาทนายความฯ ก็ย้ำกับสื่อปรามไปถึงทนายคนดังในทำนองให้ระมัดระวังพฤติกรรม อย่าเที่ยวกล่าวหาใส่ร้ายใครหรือทำตัวเองเป็นคู่ความกับคนอื่น เดี๋ยวจะหมดอนาคต


"ฝากสื่อมวลชนอีกครั้งนะครับ เกี่ยวกับทนายความที่ออกสื่อ และออกข่าวบ่อยๆ นะครับ ควรทำตัวให้อยู่ในกรอบ อย่าเที่ยวไปกล่าวหาใส่ร้ายใคร อย่าทำตัวเองเป็นตัวความ ไปเที่ยวทะเลาะกับฝ่ายคนอื่นแบบนี้ มันไม่ใช่วิสัยและหน้าที่ของทนาย...


...และการที่จะมาออกสื่อหรือการที่จะไปติดต่องานราชการตามศาล ควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อย อันนี้ฝากเตือนไปยังเพื่อนๆ ทนาย และน้องๆ ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วนะครับว่ามีกฎระเบียบอย่างไร ทั้งการแต่งกาย ทั้งความประพฤติ อย่าฝ่าฝืน เพราะการฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษ อนาคตของท่านก็จะหมดไป เรื่องคดีก็เรื่องคดีนะครับ พฤติกรรมส่วนตัวอย่ามาใช้กับคดี การเที่ยวไปกล่าวหา ใส่ร้ายใครผ่านสื่อ มันเป็นความผิด ถ้ามีผู้ร้องเรียน ผมจะดำเนินการทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงออกสื่อบ่อยอย่างไร ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ"
อุปนายกสภาทนายความฯ ทิ้งท้ายไว้แค่นี้ แต่แรงสั่นสะเทือนน่าจะแผ่ไปถึงทนายคนดังอย่าง ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในเวลาอันรวดเร็วแน่นอน เพราะในอีกไม่กี่อึดใจ เฟซบุ๊กของทนายคนดังก็มีข้อความโพสต์ตามมาติดๆ แบบนี้


"ลบชื่อทนายษิทรา ออกจากการเป็นทนาย อย่างที่ทราบกัน เสื้อทีมทนายประชาชน ที่ผมใส่ทำงานและช่วยเหลือคนมาตลอด วันนี้จะกลายเป็นเหตุผลของคนบางกลุ่มที่จะใช้เพื่อลบผมออกจากอาชีพทนายความ...

...ผมไม่รู้หรอกนะว่าเสื้อตัวที่ผมใส่มันสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ใครหนักหนา แต่ทั้งหมดในการทำงานมา เสื้อตัวนี้สร้างรอยยิ้มให้ผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คนรอบข้างผมภูมิใจ ผมมีโอกาสได้เป็นผู้ริเริ่มการทำ โครงการพี่สอนน้อง และได้ให้ความรู้เยาวชนมาแล้วกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ...


...หากวันนี้ผมจะถูกลบชื่อออกเพียงเพราะมีคนไม่ชื่นชอบเสื้อของผม ถ้าสภาทนายความจะมองว่าเสื้อของผมผิดมารยาททนายผม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็พร้อมจะน้อมรับ ผมก็ยังคงภูมิใจ และไม่ว่าจะมีหัวโขนนำหน้าชื่อว่าอะไร ผมสัญญากับคนไทยว่า จะยังทำทุกอย่างตามสถานะเพื่อความเป็นธรรมให้มีอยู่ในสังคมไทย"


โพสต์ข้อความของทนายตั้ม ทำเอาโลกโซเชียลมีเดียแทบแตก มีคนเข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายของเขาอย่างล้นหลาม อย่างเช่นเพจดังอย่าง Drama-addict บอกว่า ถ้าจะโดนถอดจากการเป็นทนายเพราะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนนี่ ประชาชนได้ลุกฮือแน่นอนDrama-addict บอกว่า


"เรามาถึงจุดที่ประชาชนไม่สนใจเครื่องแบบเครื่องแต่งกายแล้วครับ คุณจะใส่ชุดหรูหราใส่เครื่องแบบเป๊ะเนี้ยบสุดชีวิตยังไงก็ตามแต่ ถ้าคุณไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับประชาชน ไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน ไอ้ที่แต่งตัวโคตรเป๊ะ โคตรเนี้ยบนี่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย แต่ถ้าทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนจริงๆ ต่อให้แก้ผ้าวิ่ง...โทงเทงมา ประชาชนก็เข้าใจและพร้อมสนับสนุนครับ (แต่ไปแก้ตัวกับตำรวจข้อหาอนาจารเอาเองนะ)"


ทนายชื่อดังอีกคนอย่าง ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ ก็แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กแบบนี้

"เกี่ยวกับเรื่องมรรยาททนายความ ทนายความทุกคนต้องรู้ และต้องปฏิบัติ ผิดถูกอย่างไรก็ว่ากันไปตามขั้นตอน จะมีมูลหรือไม่ ก็ต้องผ่านการสอบสวน โดยข้อบังคับของสภาทนายความ เมื่อผิดก็ต้องน้อมรับ หากไม่เห็นด้วย ทนายความที่ถูกตั้งกรรมการสอบ ก็ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่ง หรือฟ้องร้องเพิกถอนคำสั่งต่อไป เป็นเรื่องปฏิบัติไปตามขั้นตอน หากสังคมใดไม่มีการควบคุม ก็ต้องวุ่นวาย สังคมทนายความก็เช่นกัน...

แต่การที่สภาทนายความตั้งโต๊ะแถลงข่าว ทั้งๆ ที่เรื่องราวเหตุการณ์ มิใช่เรื่องราวใหญ่โต ไม่ใช่ทนายความทุจริตต่อลูกความ เป็นเพียงการแต่งกายที่สภาทนายความเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็ว่ากล่าวตักเตือนกันไป ในฐานะผู้กำกับดูแลวิชาชีพทนายความ การแต่งกายไม่เรียบร้อย เป็นความบกพร่องเล็กน้อย ที่ว่ากล่าวตักเตือนได้ แต่สภาทนายความเอง ก็ยังไม่เคยเรียกทนายตั้มว่าตักเตือนสักครั้งเลย แต่ถึงขนาดตั้งโต๊ะแถลงข่าว เป็นเรื่องราวใหญ่โต เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ ผมว่าอาจดูไม่เหมาะสม และคนดี ตั้งใจทำดี อาจเสียกำลังใจก็ได้"


ทั้งนี้ ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมารยาททนายความ หมวด 5 มารยาทในการแต่งกาย ระบุว่า ข้อ 20 ในเวลาว่าความ ทนายความจะต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

(1) ทนายความชาย แต่งตามแบบสากลนิยม เป็นชุดสีขาว หรือสีอื่นที่ไม่ฉูดฉาด เชิ้ตขาว ผ้าผูกคอสีดำหรือสีอื่นที่สุภาพไม่ฉูดฉาดแบบเงื่อนกลาสี หรือแต่งเสื้อชุดไทยแบบแขนสั้นหรือยาว สีสุภาพไม่มีลวดลายแทนเสื้อชุดสากลก็ได้ รองเท้าหุ้มส้นสีขาว น้ำตาลหรือดำ ถุงเท้าสีคล้ายคลึงกับรองเท้า

(2) ทนายความหญิง แต่งตามแบบสากลนิยม กระโปรงและเสื้อสีสุภาพไม่ฉูดฉาด รองเท้าหุ้มส้น (3) ทนายความที่มีสิทธิแต่งเครื่องแบบราชการ จะแต่งเครื่องแบบราชการก็ได้ (4) ในขณะว่าความ ทนายความที่มีสิทธิสวมเสื้อครุยเนติบัณฑิตต้องสวมเสื้อครุยนั้นด้วย