ขณะตรวจสอบพบพระสงฆ์ 5 รูป แม่ชี 2 คน สามเณร 1 นาค 1 ภายหลังทราบชื่อหลวงพ่อ อธิการมนัส สจจญาโณ เป็นพระหลวงพ่อที่นำพระลูกวัด และแม่ชีมาจำวัด และได้ให้ข้อมูลอีกว่า ชาวบ้านได้นิมนต์ให้มาพักเพื่อเป็นที่รวบรวมจิตใจ แต่ไม่ทราบว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้มีคดี และถูกดำเนินคดีมาก่อน เมื่อทราบรายละเอียด จาก จนท.แล้ว ไม่ได้ขัดข้องที่จะกลับมาจำวัดคอกอ้ายเผือก ม. 2 ต.ไชยราช ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ ซึ่งพระทั้ง 5 รูป จำวัดนี้มาก่อน
ในส่วนเรื่องสำนักสงฆ์ที่ถูกดำเนินคดีนั้น ทางหลวงพ่อไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ขอให้ทางราชการหาที่เพื่อทำสำนักสงฆ์ให้ถูกต้องต่อไป
ต่อจากนั้น คณะ จนท.ได้ร่วมกันตรวจยึดจับกุม และเข้าชี้แจงชาวบ้าน ที่ยังไม่เข้าใจในการทำงานขอ จนท. หน.พญาเสือ ได้อธิบายจนชาวบ้านเข้าใจ และรับข้อมูลเป็นชุดเดียวกัน แต่อาจจะต้องการที่ทำกินบ้าง เพราะชาวบ้านที่นี่ไม่มีที่ทำกิน แต่คณะ จนท.ได้แต่อธิบายเป็นหลักสากลทั่วไปว่า ถ้าทุกคนอ้างความยากจนและไร้ที่ทำกินนั้น ประเทศไทยทีมีพื้นที่ป่า แค่ 22 % ก็คงไม่พอแบ่งให้กับคนไทยทั้งประเทศ เพราะบ้านเราทุกคนยังต้องพึ่งทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อความมั่นคง ทางอาหารและทางทรัพยากรป่าไม้ เพื่อเป็นแหล่งกำเหนิดต้นน้ำ ต่อจากนั้น คณะ จนท.ได้ทำการตรวจยึดจับกุมต่อ
สรุปช่วงเวลา 18 วัน สามารถดำเนินการได้คือ
1.ตรวจยึดดำเนินคดี ได้ ประมาณ 9,600 ไร่
2.ตรวจยึดไม้แปรรูป ได้ จำนวน 702 แผ่น คิดเป็นปริมาตร ไม้ได้ 11.70 ลบ.ม.
ดังนั้นการทำงานที่ยังต้องเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ 21,000 ไร่ 530 แปลง ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่เหลืออีก 8 วัน