svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

Dollar-LIBOR ระยะ 12 เดือน พุ่งแตะ 2.5445% ครั้งแรกในรอบ 10 ปี

12 มีนาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

LIBOR พุ่งทยานเหนือระดับ 2% ครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังจากที่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อย่างเดียวกันนี้ ในช่วงเกิดวิกฤติหนี้ยุโรปขยายตัวออกไปในวงกว้างนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 จนส่งผลกระทบให้เกิดภาวะตึงตัวของเงินยูโร-ดอลลาร์


ล่าสุด Dollar-LIBOR สำหรับระยะ 12 เดือน แตะระดับ 2.5445% ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นที่ระดับ 2.901% จากวันศุกร์อยู่ที่ 2.895% โดยตลาดหวั่นสถานการณฺ์อาจจะกำลังกลับมาซ้ำรอย หลังมีสัญญาณเตือนแนวโน้มที่จะเกิดการขาดแคลนเงินดอลลาร์ในวงเงินมากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้ง


ขณะที่ตลาดหุ้นงอลล์สตรีทพุ่งขึ้นมากกว่า 1.7% เมื่อวันศุกร์ ท่ามกลาง่าวตอบรับการที่ทรัมป์ยอมรับที่จะพูดคุยเรื่องการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์กับผู้นำเกาหลีเหนือ รวมทั้งข่าวการที่แรงงานนอกภาคการเกษตรเข้าสู่ตลาดสูงเกินคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ถึง 313,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่อัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้น 2.6% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า



1. สัญญาณเตือน LIBOR (Londom Interbak Offered Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระหว่างธนาคาร พุ่งทยานเหนือระดับ 2% ครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังจากที่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อย่างเดียวกันนี้ ในช่วงเกิดวิกฤติหนี้ยุโรปขยายตัวออกไปในวงกว้างนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 จนส่งผลกระทบให้เกิดภาวะตึงตัวของเงินยูโร-ดอลลาร์

ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องเปิดช่องทางอัดฉีดสภาพคล่องเงินดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเงินในยุโปด้วยการทำ Dollar Swap โดยสถานการณฺ์อาจจะกำลังกลับมาซ้ำเติมอีกตรั้ง โดยมีแนวโน้มที่จะเกิดการขาดแคลนเงินดอลลาร์ในวงเงินมากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์

ถึงแม้ว่า สถาบันการเงินในยุโรปได้เรียบรับมือกับภาวะเงินดอลลาร์ที่จึงตัวมากขึ้นด้วยการ cover ความเสี่ยงมาตั้งแต่กลายปี 2017 แล้วก๋ตาม



2. ขณะที่ปัญหาต้นทุนในการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารที่มีความไม่แน่นอน เนื่องจากนโยบายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สร้างแรงกดดันต่อการระดมทุนในตลาดการเงิน หลังจากที่อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี มีความผันผวนอย่างรุนแรง และปรับตัวในทิศทางที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแตะระดับสูงสุดครั้งล่าสุดที่ 2.95% เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์

และมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจนแตะระดับ 3.02% หาว่าเฟดยังคงมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินช่วงวันที่ 20-21 มีนาคมนี้อีด 0.25% รวมทั้งมีการตัดสินใจที่ชัดเจนต่อนโยบายที่เฟดจะปรับขั้นดอกเบี้ยในปีนี้ แตะระดะบ 4 ครั้ง

ล่าสุด Dollar-LIBOR สำหรับระยะ 12 เดือน แตะระดับ 2.5445% ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นที่ระดับ 2.901% จากวันศุกร์อยู่ที่ 2.895%



3. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ ขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนกุมภาพันธ์ที่พุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง โดยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เพียง 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

รวมทั้งแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบตกลงที่จะพบปะกับคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากที่คิม จองอึน ได้แสดงเจตจำนงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการหารือร่วมกับคณะผู้แทนเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 25,335 พุ่งขึ้น 440.53 จุด หรือ 1.77% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,560 พุ่งขึ้น 132.86 จุด หรือ 1.79% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,786 พุ่งขึ้น 47.60 จุด หรือ 1.74% ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 3.3% ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 4.2% และ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 3.5%



4. ขณะที่กระแสข่าวในเรื่องที่รัฐสภาของจีน ที่มีการประชุมตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลงคะแนนจากสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 2,964 คน มีผู้ออกเสียงเกือบจะเป็นเอกฉันทน์ โดยมีการคัดค้าน 2 เสียง และงดออกเสียง 3 คน โดยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของจีนที่ยกเลิกการกำหนดวาระผู้นำให้มีแค่ 2 วาระ ออกไป รวมถึงตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วย

ทั้งนี้ เพื่อที่สี จิ้นผิง จะมีเป็นผู้นำตลอดกาล และสานต่องานได้จนจบ แทนที่จะอยู่ในตำแหน่วเพียงแค่ปี 2022 ตามวาระที่กำหนดไว้ ก็เพื่อให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้นำจีนสู่ประเทศสังคมนิยมทันสมัยใหม่ตามที่ประกาศเป้าหมาย สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะดำเนินยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศเชื่อเข้าสู่การค้าโลกในวงกว้างขวางที่เรียกว่า One Belt One Road หรือเส้นทางสายไหมใหม่ และยกระดับสินค้าแบรนด์เนมของจีนมุ่งสู่เป้าหมายของ China Dream

ดัชนี SSE Composite ของจีนอยู่ที่ 3,319 เพิ่มขึ้น 12.04 จุด หรือ 0.36% ขณะที่ดัชนี HSI ฮ่องกง อยู่ที่ 31,536 พุ่งขึ้น 540.09 จุด หรือ 1.74% โดย้งืนหยวนแข็งค่าขึ้นแตะ 6.3315 หยวนต่อดอลลาร์



5. ทางด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นวแลล์สตรีท นำโดยดัชนี NIKKEI 225 ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 356.90 จุด หรือ 1.66% ดัชนี TAIEX ไต้หวันเพิ่มขึ้น 0.41% ดัชนี KOSPI เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.06% ดัชนี FTSE STI สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.97% และดัชนีหุ้นไทยยืนที่ 1,795 พุ่งขึ้น 19.92 จุด หรือ 1/12% ด้วยมูลค่าซื้อขายมากกว่า 33,866 ล้านบาทช่วงครึ่งวันเช้า

โดยที่ได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า จะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% จากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้าในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่เนพันธมิตรโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดสงครามการค้า หากมีเจรจาและสามารถตกลงกับสหรัฐได้

logoline