ทรัมป์โพสต์ Twitter "We Must Act Soon"

ส่วนจีนยกประเด็นความห่วงใยต่อมาตรการภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% ของสหรัฐขึ้นถกในองค์การการค้าโลก หรือ WTO ที่เจนีวา พร้อมกับ 17 เสียงสมาชิกของ WTO ที่กำลังกลัวว่า จะทำลายบรรยากาศเศรษฐกิจโลก รวมถึงตลาาดการค้าระหว่างประเทศ ท่ากลางความกังวลต่อสงครามการค้า


อย่างไรก็ตาม เพื่อลดทอนกระแสการต่อต้านสงครามการค้า ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ชี้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ทรัมป์อาจยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% จากแคนาดา เม็กซิโก และบางประเทศ



1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์Tweeter ระบุสหรัฐแจ้งต่อจีนให้ปรับลดตัวเลขเกินดุลการค้าที่มีต่อกับสหรัฐอย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ โดยย้ำว่าเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ "We Must Act Soon" หลังจากที่จีนยังคงมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐถึง 375,200 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยถึงสหรัฐมีการขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 16.7% เป็นมูลค่า 36,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกัรยายน 2015 เนื่องจากการส่งออกไปจีนดิ่งลง 28.1% ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9% ทำให้ฐานะขาดดุลการค้าโดยรวมของสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 9 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% แตะระดับ 56,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ตุลาคม 2008

สาเหตุที่สหรัฐส่งออกลดลงมาจากการส่งออกเครื่องบินและน้ำมันดิบที่ลดลง แต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคกลับพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งการส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน และเครื่องยนต์ มีมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่กรกฎาคม 2014 ขณะที่การนำเข้ายังทรงตัว



2. ขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% จากแคนาดา เม็กซิโก และบางประเทศที่ทำเนียบขาวระบุนั้น อาจบอกเป็นนัยว่า ญี่ปุ่นรวมถึงชาติพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐอาจได้รับการยกเว้นจากแผนภาษีดังกล่าวด่วย

ทั้งนี้ โฆษกทำเนียบขาวแถลงต่อสื่อมวลชนว่า สหรัฐจะพิจารณาเป็นรายกรณีและรายประเทศ แต่จะมีการประเมินถึงข้อกำหนดยกเว้นตามเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติด้วยหรือไม่

โดยคาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะลงนามแผนเก็บภาษีดังกล่าวในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐได้ประกาศว่าสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% ในสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องการผลิตในประเทศ




3. มาตรการตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์และการต่อต้านจากกลุ่มผู้นำในพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเทศคู่ค้าทั้งจีน แคนาดา และสหภาพยุโรป

ส่วนจีนยกประเด็นความกห่วงใยขึ้นถกในองค์การการค้าโลก หรือ WTO ที่เจนีวา พร้อมกับ 17 เสียงสมาชิกของ WTO ที่กำลังกลัวว่า จะทำลายบรรยากาศเศรษฐกิจโลก รวมถึงตลาาดการค้าระหว่างประเทศ ท่ากลางความกังวลต่อสงครามการค้า



4. หลังจากที่แกรี่ โคห์น หัวหน้าทีมที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจทำเนียบขาว ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เชิงแสดงการคัดด้านต่อแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ส่งผลให้ความกังวลต่อสงครามการค้าขยายวงกว้างมากขึ้น กระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยที่ Dow Jones Futures ดิ่งลงทันที่ 450 จุดหรือ 1.8% ที่เกิดกระแสข่าวดังกล่าว และเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวันพุธ

ขณะที่ Raphael Bostic ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขา Atlanta กล่าวที่ฟลอริดาเมื่อวันพุธ เตือนว่า หากเกิดสงครามการค้าจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ อาจจะทำให้ทุกอย่างถูกลบล้างลงไปจากการที่พยายามใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ขณะนี้ทุกอย่างยังอยู่บนโต๊ะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าดูต่อไป



5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดซื้อขายจริงที่ 24,801 ลดลงเพียง 82.76 จุด หรือ 0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,726 ลดลง 1.32 จุด หรือ 0.05% ส่วน Nasdaq ปิดที่ 7,396 เพิ่มขึ้น 24.64 จุด หรือ 0.33% หลังจากที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม จากแคนาดา เม็กซิโก และบางประเทศ

รวมถึงหุ้นเอเชียขานรับเชิงบวก โดยดัชนี HSIฮ่องกง พุ่งขึ้น 434.21 จุด หรือ 1.44% ดัชนี NIKKEI 225 ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 158.66 จุด หรือ 0.75% และหุ้นไทยปรับจัวึ้นที่ 1,790.32 เพิ่มขึ้น 8.68 จุดหรือ 0.49% ช่วงเช้าวันนี้