ข่าวใหญ่คือคดีหวย 30 ล้าน ที่ใกล้จะรู้ว่า เจ้าของตัวจริงคือใคร และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ข่าวหวย 30 ล้าน โทรทัศน์แต่ละช่อง ใช้พื้นที่ไปกับข่าวนี้ไปเยอะมาก ด้วยเหตุผลว่าประชาชนสนใจ เพราะ "หวย" เป็นเรื่องใกล้ตัวของชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป ที่คุ้นชินกับการเสี่ยงโชคพื้นฐาน
แต่คำถามคือเราได้อะไรจากการนำเสนอข่าวหวย 30 ล้านอย่างยาวนาน ได้อะไรจากการส่งนักข่าวไปจี้ถามพยานที่เกี่ยวข้องในคดี เราได้อะไร ? นอกจากตอบความอยากรู้ขั้นพื้นฐาน ตอบให้ดูดีหน่อย ก็คือรู้ทันกระบวนการตบทรัพย์รูปแบบใหม่ ด้วยการโกหก โกหกจนต้องเชื่อตัวเองว่าที่โกหกเป็นความจริง ยิ่งโดยเฉพาะกับหวยล็อตเตอร์รี่ด้วยแล้ว จริงๆมันไม่ซับซ้อน แต่ในแง่ของความรู้สึกของคนทั่วไปก็คือ โอกาสที่เราจะถูกรางวัลที่หนึ่งก็ว่ายากแล้ว
นี่ต้องมานั่งดูคนที่ถูกรางวัลที่ 1 โดนโขมยหวยล็อตเตอร์รี่ มันอาจจะซับซ้อน เหลือเชื่อในเชิงความรู้สึก ถ้าเป็นละครเรื่องหนึ่งก็คงสนุกสนาน บันเทิงดีไม่น้อย
แต่ถ้าถามว่า การทุ่มเทสรรพกำลังของทีมข่าวที่ลงไปทำข่าวนี้ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างไร คนที่คิดแบบนี้ คงจะโลกสวยเกินไป แต่คงไม่มีใครบอกว่าไม่ควรทำข่าวนี้ แต่ถ้าจะแค่ตั้งคำถามขึ้นมาเฉยๆ อยากให้ช่วยๆ กันตอบ ช่วยกันวิพากวิจารณ์ ถกเถียง ก็คงไม่ผิด
ผมขออนุญาตถอดเทป จากคลิป "ติ่งข่าว ep.17: เราเสียตำรวจไปสองกองบัญชาการ เพื่อจับคนโกหกเพียงคนเดียว" ของแฟนเพจข่าวเวิร์คพอยท์ คุณสมภพ รัตนวลี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวเวิร์คพอยท์ทีวี กล่าวไว้อย่างน่าสนใจมากว่า "เราเสียพลังงานของตำรวจ 2 กองบัญชาการเพื่อจับผิดขโมย จับผิดคนโกหกเพียงคนเดียว มันเกินไปอ่ะ"
คุณสมภพ น่าจะเป็นตัวแทนของ บรรณาธิการข่าวที่อธิบายได้เป็นอย่างดีว่า ทำไมจึงต้องนำเสนอข่าวหวย 30 ล้านนี้อย่างต่อเนื่อง เขาบอกว่า "หวย 30 ล้านคนมันกลับมาสนใจกันอีกครั้งเพราะว่า รอบนี้เป็นรอบนอคเอ้าต์แล้ว มีคนสองคนคือหมวดจรุูญ กับครูปรีชา ที่จะต้องมีคนใดคนหนึ่งผิด อีกคนถึงจะได้หวย 30 ล้าน ซึ่ง 2 คนนี้จะมีคนหนึ่งโกหก ซึ่งเป้นคนที่สังคมพิพากษาไปแล้วด้วยว่าเป็นใครโกหก"
ข้อสังเกตของคุณสมภพ ที่น่านำมาคุยต่อก็คือ เขาบอกว่า "แต่ที่สิ่งกูอยากจะตั้งข้อสังเกตก็คือว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้กองบัญชาการตำรวจถึง 2 กอง ตำรวจภูธรภาค 7 กับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บวกกองปราบด้วย เข้ามาแก้ปํญหาเรื่องนี้ 3 เดือนกว่าแล้ว เกือบเดือนที่4 แล้ว ยังจับคนผิดไม่เลย"
"คือเรื่องนี้มันควรจะจบแบบง่ายๆ ถ้าไม่มีเรื่องทุจริต ถ้าไม่มีเรื่องการถือหาง มันเสียพลังงานของตำรวจ 2 กองบัญชาการเพื่อ จับผิดขโมย จับผิดคนโกหกคนเดียว มันเกินไปอ่ะ แล้วผลที่เกิดขึ้น คือมันทำให้คนในประเทศไทย ซื้อหวยแม่งต้องแลบลิ้นเลีย ซื้อหวยต้องถ่ายเซลฟี่กับคนขายหวย เรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถ้ามันไม่มีใครคนใดคนหนึ่งทุจริตต่อคดีนี้" ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวเวิร์คพอยท์ทีวี อธิบายในคลิปติ่งข่าวอย่างขำขัน
สรุปแล้วเราได้อะไรจากคดีหวย 30 ล้านเป็นคำถามที่ขอทิ้งเอาไว้ให้ผู้อ่านลองตอบ แต่สิ่งหนึ่งที่มันสะท้อนได้ชัดก็คือหลังจากนี้ หากมีเรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้น นักข่าวหลายๆ ทีม จะลงไปเกาะติดเสมือน เรียลิตี้เรื่องหนึ่ง ซึ่งข้อดีก็คือ เราจะได้ดูข่าวอย่างสนุกสนาน และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ไม่ต้องคิดหรอกว่าสังคมได้อะไร มันเครียด แถมยังไกลตัวด้วย ...555