"นิพิฎฐ์"ชี้ "หมอธี"หวงตำแหน่ง กลับลำขอโทษ "บิ๊กป้อม"

ได้ทำผิดมารยาทที่วิจารณ์พาดพิง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คส. ว่า นพ.ธีระเกียรติเขาต้องเลือกสถานภาพของเขา ถ้าสิ่งที่เขาเชื่อ ยังคงดำรงอยู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาจะอยู่ในสภาพนั้นหรือไม่ ถ้าเชื่อว่าสิ่งนั้นยังคงอยู่แล้วยังอยู่ในตำแหน่งได้ ก็แสดงว่าเขาไม่ได้แตกต่างจากบุคคลที่เขากล่าวเลย การที่เขาแถลงอย่างนี้แสดงว่าเขายังห่วงตำแหน่ง เขาจะอยู่กับใครอย่างไรก็ไม่สนใจ แต่ขอให้ได้อยู่ แต่การพูดครั้งแรกก็เพื่อให้ดูดี แต่ไม่ได้ดีจริง


เมื่อถามว่า นพ.ธีระเกียรติ เป็นถึง รมว.ศึกษาธิการ ควรเป็นต้นแบบให้นักเรียน นักศึกษา หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เขาต้องวางมาตรฐานของรมว.ศึกษาธิการว่ามาฐานของรัฐมนตรีควรอยู่ระดับไหน ควรเป็นต้นแบบอย่างไร แต่เห็นว่าสังคมอย่าไปคาดหวังอะไรมาก ทุกคนก็ต้องการให้ตัวเองเป็นคนดี แต่ไม่ได้ดีจริง สมัยที่รัฐบาลมาจากากรเลือกตั้งถูกกล่าวนิดเดียว ก็ลาออกเลย เช่นนายวิทยา แก้วภราดัย ลาออกจากรมว.สาธารณสุข และนายวิฑูรย์ นามบุตร ลาออกจากรมว.พัฒนาสังคมฯ ซึ่งอยู่ที่สปิริต ของนักการเมืองที่เรียกตัวเองว่าปฏิรูป แต่สปิริตแย่กว่านักการเมืองที่มาจากเลือกตั้งที่ยังไม่ปฏิรูปเสียอีก


ขณะที่นายองอาจ คร้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นพ.ธีระเกียรติ ออกมาแถลงว่าผิดมารยาท ก็คงมองเรื่องภาพรวมของรัฐบาลเป็นหลักว่าถ้าเขาไม่มีท่าทีอะไรหลังไปพบนายกฯ ก็อาจมีผลกระทบต่อรัฐบาลได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนในคณะรัฐบาลวิจารณ์กันเอง ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นรัฐบาลไม่มากก็น้อย ซึ่งแน่นอนที่สุดการออกมาแถลงอย่างนี้อาจจะถูกสังคมส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ได้ เขาคงตัดสินใจแล้วว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่จำเป็นต้องแสดงออกในลักษณะนี้


"สิ่งที่พูดตอนแรกเป็นความคิดเห็นของเขาโดยตรง เขาอาจจะไม่ได้คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาล แต่สิ่งที่ ได้พูดไปและปรากฏต่อสาธารณชน ก็ยอมส่งผลกระทบต่อรัฐบาลไม่มากก็น้อย จึงได้ตัดสินใจโดยนึกถึงรัฐบาลเป็นหลัก ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ต้อรับผิดชอบหรือไม่ และคิดว่าไม่ถึงขนาดเป็นรอยราวของรัฐบาล เมื่อคน 2 คนในรัฐบาลมีความเห็นไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคลของคน 2 คนเป็นด้านหลัก เพราะในสมัยก่อน ก็เป็นเรื่องของพรรค เมื่อเห็นไม้ตรงกันก็จะมีปัญหา แต่นี่เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลเป็นหลัก"นายองอาจ กล่าว

เมื่อถามว่า การจารณ์ของนพ.ธีระเกียติครั้งนี้ จะส่งผลให้ทำงานลำบากหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า อาจจะยังไม่ถึงขั้นทำงานลำบาก เพราะท่านก็ต้องยอมรับผลการตัดสินใจของท่าน แต่จะมีผลตามาแค่ไหนยังไม่สามารถบอกได้