"คดีหวย 30 ล้าน" ชัดเจน สิ้น ก.พ นี้

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เดินทางมาติดตามความคืบหน้า คดีหวยอลเวง 30ล้านบาท ที่กองบังคับการปราบปราม ซึ่งวันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ นัดประชุมคณะทำงานที่ทำคดีนี้

โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ยืนยันว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากและได้เน้นย้ำกับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้วว่าจะต้องวางแนวทางสืบสวนอย่างไร โดยกำชับว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะต้องสรุปผลคดีได้ ซึ่งผลทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน และยอมรับว่าบางอย่างอาจจะแตกต่าง แต่ไม่ได้ถึงขนาดไปคนละทิศทางกับผลของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และกองปราบมีประสิทธิภาพจะสามารถเคลียร์ข้อกังขาประชาชนได้

โดยส่วนตัวของพล.ต.อ.จักรทิพย์ เชื่อว่า คดีเป็นขบวนการคล้ายกับคดีครูจอมทรัพย์ ซึ่งในกรณีนี้ต้องมีคนถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว และหากพบมีคนเกี่ยวข้องในการทำพยานหลักฐานหรือในส่วนที่ไม่ถูกต้องก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วย

ด้านผู้บัญชาการสอบสวนกลาง บอกก่อนการประชุมว่า ขณะนี้การสอบสวนหาพยานหลักฐานของกองบังคับการสอบสวนกลาง ร่วมกับ กองบังคับการปราบปราม มีความคืบหน้าจนได้พยานหลักฐานมาพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นเจ้าของล็อตเตอรี่ตัวจริงแล้ว ซึ่งหากนักจิตวิทยา มอง ก็จะสามารถตอบได้ทันที ว่า ใครมีพิรุธ ต้องสงสัย เพราะภาษากายโกหกได้ยาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจากจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครอบคลุมชัดเจนก่อน ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ สามารถสรุปสำนวนคดีได้แน่นอน และ ชี้ชัดได้ว่า เจ้าล็อตเตอรี่ตัวจริงคือใคร ก่อนจะส่งสำนวนให้อัยการต่อไป

เบื้องต้นเชื่อว่า คดีนี้มีผู้ร่วมขบวนการหลายคนแต่จากข้อมูลทราบว่า ยังไม่พบว่ามีตำรวจชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้องกับขบวนการ เป็นเพียงกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อว่าฝ่ายของตัวเองเป็นเจ้าของตัวจริง จึงเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ

ส่วนประเด็นว่าการสืบสวนขัดแย้งกับตำรวจภูธรภาค 7 หรือไม่นั้น ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ระบุว่า แนวทางการสอบสวนของแต่ละหน่วยงานแตกต่างกัน ซึ่งที่ผ่านมากองบัญชาการสอบสวนกลางมีพื้นฐานการทำคดีที่หลากหลายและมีหลายคดีมีความใกล้เคียงกับคดีนี้จึงเชื่อว่าแนวทางการสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางจะสามารถหาข้อมูลได้ชัดเจนมากขึ้น และอาจจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ทางคดี ไม่อยากให้เกิดการตำหนิเจ้าหน้าที่ ในเชิงลึกยังไม่พบตำรวจหรือ ระดับยี่ปั้ว มาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมฝากถึงประชาชนให้ดูเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา ทั้งผู้ซื้อ และผู้ที่แฝงตัวจะเลียนแบบพฤติกรรม อ้างสิทธิ์ของผู้อื่น