เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลี่ยนไทย นับว่าเป็นนักสะสมอาวุธปืน อันดับต้นๆทของเมืองไทย ปืนที่มีมากกว่า 40 กระบอก แต่มีปืนสั้นเพียง 2-3 กระบอก และในจำนวนนั้นเป็นปืนไรเฟิล 30 กระบอก ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เจ้าหน้าที่พบคนไทย เดียว ครอบครองปืนไรเฟิล 30 กระบอก โดยก่อนหน้านี้พบเพียง 10 กระบอก ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตแพทย์ร.พ.ตำรวจ ผู้ต้องหาคดีฆ่าลูกจ้างชาวเมียนมาร์
สนนราคา "ปืนไรเฟิล" มีตั้งแต่ 100,000 บาท ถึงหลายแสนบาท และต้องสั่งพิเศษ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องตามต่อไปว่าปืนเหล่านี้สั่งซื้อมาจากร้านปืนที่ไหน
สำหรับ "ปืนไรเฟิล" สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ยิงระยะไกล และขนาดปืนไรเฟิล ที่ยึดได้จากนายเปรมชัย นั้น เป็นปืนที่ใช้สำหรับการล่าสัตว์ใหญ่ ประเภท ช้าง กระทิง หรือ เสือ
ปืนชนิดต่อมา "ลูกซองแฝด" สนราคากระบอกละหลายแสนบาท ไม่มีวางขายตามท้องตลาดต้องสั่งพิเศษ
อานุภาพของปืนชนิดนี้ มี 2 ไก ทำให้ยิงได้ต่อเนื่อง กรณียิงลูกแรกออกไปแล้วเหยื่อยังไม่ตาย สามารถยิงซ้ำได้ ไม่ต้องเสียเวลาหักลำกล้องบรรจุกระสุนใหม่ โดยภายใน 1 ลูก มีลูกปลาย 9 เม็ด กระสุนนัดเดียวเทียบกับยิงปืนขนาด 9 มม. 9 กระบอกพร้อมๆ กัน และยิ่งลำกล้องยาว ยิ่งมีความแม่นยำ"ปืนลูกซองคู่" ใช้สำหรับการล่าสัตว์ขนาดกลาง ประเภท หมูป่า เก้ง กวาง
ปืนกระบอกสุดท้าย คือ "ปืนลูกซอง" ใช้ลูกขนาด .22 ใช้ยิงสัตย์ปีก ประเภทนก ไก่ฟ้า หรือกระรอก
การที่นายเปรมชัย นำปืน ทั้ง ปืนไรเฟิล ปืนลูกซองแฝด ปืนลูกซอง เข้าไปในป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เจตนาคือ ใช้ล่าสัตว์ ไม่ใช่มีไว้เพื่อป้องกันตัว
อีกทั้งปืนไรเฟิล ปืนลูกซองคู่ นั้น บ่งบอกถึงความเป็นพรานใหญ่มีระดับ ไม่ใช่พรานป่าทั่วๆ ไป
ดังจะเห็นได้ว่า การจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต นั้น เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ยึดปืนได้ 3 ขนาด ยึดซากสัตว์ ได้ทั้งสัตว์ใหญ่ คือ เสือดำ สัตว์ขนาดกลาง คือ เก้ง และสัตว์ปีก คือ ไก่ฟ้าหลังเทา