สิ่งที่ได้จาก....ศึกแชมป์เปี้ยนคัพ 2018

แมตช์นี้ถือเป็นการทดสอบความพร้อมของทั้ง 2  ทีม ก่อนที่สัปดาห์หน้าจะต้องเริ่มเปิดฉากตะลุยไทยลีก    โดยในเกมนี้นอกจากการแข่งขันที่ได้รับความสนใจแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย  นำมาทดลองใช้ในการแข่งขันครั้งนี้คือ ระบบ VAR (Video Assistant Referee) หรือเรียกเป็นชื่อภาษาไทยอย่างตรงตัว คือระบบการตัดสินโดยใช้ภาพซ้ำ

ทำให้ผู้ตัดสินจะได้เห็นภาพรีเพลย์ซ้ำ เหมือนที่เราได้เห็นในจอทีวี
โดย  VAR  นั้น  จะเห็นได้ว่าฟีฟ่านำมาใช้  ในศึกคอนเฟดเดอเรชั่น 2017 ที่ผ่านมาและในลีกชั้นนำของยุโรปก็เริ่มนำมาใช้แล้วอย่างเช่น กัลโซ่ซีรีอา ของอิตาลี และล่าสุดสมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ได้นำมาใช้แล้วในศึกเอฟเอ คัพ โดยสมาคมฟุตบอลไทยก็ประกาศแล้วว่าไทยลีก2018 นี้  จะนำ VAR มาช่วยผู้ตัดสินในการตัดสินเพื่อลดความผิดพลาดของผู้ตัดสินและเพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น

ในเกมนี้ก็ได้ใช้จริง เมื่อช่วงครึ่งหลัง ดีเอโก้ หลุยส์ ซานโต้ แข้งบุรีรัมย์ ใช้ท่อนแขนฟาดใส่ ปิยพล ผานิชกุล นักเตะของ  สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ทำให้ "เปาโค้ช" ศิวกร ภูอุดม ผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าอีลิท ที่ได้รับมอบหมายให้ลงชี้ขาดในเกมนี้ เปาฟาวล์และขอใช้ดู VAR ก่อนจะเดินมาแจกใบแดง ไล่ ดีเอโก้  ทำให้เทคโนโลยีนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถช่วยผู้ตัดสินได้จริง ถ้าไม่มีระบบ VAR แล้ว ดีเอโก้  อาจได้แค่ใบเหลืองก็ได้

VAR จะทำให้ผู้ตัดสินทำงานได้ง่ายขึ้น และผู้ตัดสินสามารถย้อนกลับมาดูจังหวะปัญหา รวมถึงการ พิจารณาการแจกใบเหลืองใบแดง ทำให้เราได้เห็นวิวัฒนาการ ของฟุตบอลไทยมากขึ้น   แน่นอนว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

ผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ อาจได้เห็นเทคโนโลยี อื่นๆ อย่างเช่น โกลไลน์หรือฮอคว์อาย เข้ามาช่วยและทำให้เกมการแข่งขันของไทยลีกสนุกมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาคาใจจากจังหวะปัญหาในการแข่งขันได้ และหวังว่า ไทยลีก 2018 ที่จะเริ่มฟาดแข้งในเดือนหน้าจะต้องเป็นซีซั่นที่สวยงาม ดุ เด็ด เผ็ด มันส์ เพราะพื้นที่ตกชั้นมีถึง 5 ทีม  ให้ต้องสู้กันแบบตาไม่กระพริบ