svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

วิกฤติปมขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐที่ร้อนแรงมากขึ้น

22 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณและปัญหาผู้อพยพลี้ภัยเข้าเมือง นำสู่วิกฤติปมขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐที่ร้อนแรงมากขึ้น จนส่งผลต่อการเกิดภาวะ Government Shutdown ที่มีการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับเป็นวันครบรอบการทำงาน 1 ปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บ่งบอกมรสุมการเมืองจะยังคงส่งผลต่อการบริหารประเทศในปีที่ 2 นี้ต่อไป


ขณะที่หนึ่งปีของทรรัมป์ถูกประท้วงเรียกร้องสิทธิสตรีของกลุ่มผู้หญิงทั่วโลก 200 เมืองทั้งงใยสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เรียกร้องให้มีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดเป็นเรื่องฉาวในช่วงปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การที่ทรัมป์จะไปร่วมประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส ในอีก 2 วันข้างหน้านี้ ก็จะเผชิญการต่อต้านในเรื่องกระแสโลกาภิวัตน์จากผู้นำทั่วโลก เป็นอีกกระแสร้อนแรงเช่นกัน


1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โจมตีผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาเป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะ Government Shutdown ที่มีการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลหลังผ่านเส้นตายเมื่อวันเสาร์ เนื่องจากวุฒิสภาไม่สามารถผ่านร่างกฏหมายงบประมาณชั่วคราวได้

หลังจากที่เรียกร้องให้พรรคเดโมแครตให้ความร่วมมือในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการ Shutdown เพราะสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณนี้ ข้อความในทวิตเตอร์ระบุอีกว่า ขณะนี้พรรคเดโมแครตมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านวุฒิสภา แต่พวกเขาต้องการให้มีผู้อพยพผิดกฎหมายอยู่ในสหรัฐ และให้การป้องกันชายแดนมีความอ่อนแอ ชัตดาวน์จะเกิดขึ้นหรือไม่? เราจำเป็นต้องให้พรรครีพับลิกันมีชัยชนะมากขึ้นในปีนี้


2. เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคม วุฒิสภาสหรัฐไม่สามารถโหวตด้วยคะแนนเสียงที่เพียงพอจะผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวให้ผ่านความเห็นชอบ เพื่อช่วยให้รัฐบาลกลางสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปในระยะหนึ่ง จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งต้องผ่านการโหวตเสียงสนับสนุนขั้นต่ำ 60 เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา 100 คน แต่กลับมีเสียงสนับสนุนเพียง 50 เสียงเท่านั้น

ทั้งที่เมื่อวันพฤหัสฯสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้โหวตผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว 230 ต่อ 197 เสียงก็ตาม

จึงส่งผลให้ต้องมีการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือ Government Shutdown หลังพ้นกำหนดเส้นตายในเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเที่ยงวันเสาร์ตามเวลาไทย



3. ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตยังคงไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณและเรื่องของผู้อพยพลี้ภัยเข้าเมือง นำสู่วิกฤติปมขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐที่ร้อนแรงมากขึ้น จนส่งผลต่อการเกิดภาวะ Government Shutdown ที่มีการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับเป็นวันครบรอบการทำงาน 1 ปีของประธานาธิบดีทรัมป์ บ่งบอกมรสุมการเมืองจะยังคงส่งผลต่อการบริหารประเทศในปีที่ 2 ของเขาต่อไป

เนื่องจาก สว.พรรคเดโมแครตกว่า 40 คนได้ขวางร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวในการประชุมเมื่อวันศุกร์ โดยเดโมแครตได้เรียกร้องให้รวมงบประมาณการคุ้มครองโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐไว้ในข้อตกลงเรื่องงบประมาณด้วย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้มีการส่งตัวผู้อพยพวัยเยาว์ออกนอกสหรัฐ

นอกจากนี้ สว.พรรคเดโมแครตยังหวังใช้งบประมาณเป็นข้อต่อรอง แต่ สว.พรรครีพับลิกันและทีมงานของประธานาธืบดีทรัมป์ยืนกรานที่จะไม่เจรจาต่อรองเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกว่าพรรคเดโมแครตจะโหวตสนับสนุนงบประมาณเพื่อยุติปัญหา Government Shutdown

อย่างไรก็ตาม มิทช์ แมคคอนเนล แกนนำเสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า วุฒิสภาจะลงคะแนนเสียงเรื่องร่างกฎหมายงบประมาณเวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันจันทร์นี้


4. หนึ่งปีขของปีะธานาธิบดีทรัมป์ยังต้องเผชิญกับการถูกประท้วงเรียกร้องสิทธิสตรีของกลุ่มผู้หญิงทั่วโลก 200 เมืองทั้งในสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ

ท่ามกลางบรรยากาศที่ชาวนิวยอร์กว่า 120,000 คนเดินขบวนแสดงพลังสนับสนุนผู้หญิง ผู้อพยพ และกลุ่มผิวสี ในวันครบรอบการืงาน 1 ปีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อแสดงพลังในการสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ดังกล่าว


5. นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะไปร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) ที่ดาวอส ในอีก 2 วันข้างหน้านี้ ก็จะเผชิญการต่อต้านในเรื่องกระแสโลกาภิวัตน์จากผู้นำทั่วโลก เป็นอีกกระแสร้อนแรงเช่นกัน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้นำคนที่ 2 ของสหรัฐต่อจากประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่เข้าร่วมประชุม WEF ที่จะเริ่มขึ้นในอีก 2 วันข้างหน้ายร่ ขณะที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และประธานาธิบดีบารัก โอบามา หลีกเลี่ยงไม่เข้าร่วมประชุมด้วยตัวเองโดยตรง

logoline