svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

วันนี้ในอดีต... ปลด "เจ้าคุณเสนาะ" เซ่นพิษเงินหลวง67ล.

21 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ใครจะเชื่อว่าหลังจากสตง.รายงานความผิดปกติเงินหลวง 67 ล้านบาท สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ถึงขั้นปลดมือขวา"สมเด็จเกี่ยว" ลูกพี่"เพ่น้ำฝน"จนเกิด"อัตวินิบาตกรรม"

พลันที่ "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์"(ช่วง วรปุญฺโญ)เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้รับรายงานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ยุคผู้ว่าฯ"นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส"ที่มีหนังสือแจ้งรายงานถึงความผิดปกติของการใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ "สมเด็จเกี่ยว" สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) จำนวน 67 ล้านบาท มาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 3 ฉบับ และฉบับสุดท้าย เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2558

15 ม.ค.2558สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ลงนามในคำสั่งให้กรรมการมหาเถรสมาคมออกจากตำแหน่ง ซึ่งคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ตามพระบัญชาแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม ลงวันที่ 22 กันยายน 2557 แต่งตั้ง"พระพรหมสุธี"หรือ"เจ้าคุณเสนาะ" เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 (4) แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์(ฉบับที่ 2)พ.ศ.2535 มีพระบัญชาให้ พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร ป.ธ.6 น.ธ.เอก) วัดสระเกศ ออกจากตำแหน่ง"กรรมการมหาเถรสมาคม"ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2557 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2558 ผู้รับสนองพระบัญชา นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการนายกรัฐมนตรี

ว่ากันว่าคำสั่งให้"เจ้าคุณเสนาะ"เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ออกจากตำแหน่ง"กรรมการมหาเถรสมาคม"(มส.)สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 67 ล้านบาท ของ สตง. เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาเถรสมาคม(มส.) และคณะสงฆ์โดยรวม รวมถึงไม่ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคมไทยอีกต่อไป

ปมของเรื่องนี้อยู่ตรงที่ "เจ้าคุณเสนาะ"ได้เบิกเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวน 67 ล้านบาทเพื่อซื้อโต๊ะหมู่บูชานำไปแจกให้กับวัดวาอารามต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว มีประชาชนได้บริจาคเงินสร้างโต๊ะหมู่บูชาให้จนครบจำนวนอยู่แล้ว

เมื่อสมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้เจ้าคุณเสนาะออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ จึงส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง เจ้าคณะภาค 12 ด้วย กระทั่งต่อมา 21 มกราคม 2558 มหาเถรสมาคม (พศ.)ได้มีคำสั่งปลดจากตำแหน่ง ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ

วันนี้ในอดีต เมื่อ 21 ม.ค.2558 เวลา 14.00 น.ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)ครั้งที่ 2/2558 โดยในครั้งนี้มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานการประชุมมส. โดยการประชุมมส.ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ไม่มี "พระพรหมสุธี"หรือเจ้าคุณเสนาะ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีต กรรมการมส.เข้าร่วมประชุม

ที่ประชุมมส.ได้มีมติ ให้ปลด"พระพรหมสุธี" ออกจาก"ตำแหน่งประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ"และแต่งตั้งให้ "เจ้าคุณธงชัย" พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ในฐานะที่ปรึกษาสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานรูปใหม่ ตามที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเสนอ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการตรวจสอบ

เมื่อพระรูปใดต้องมลทินให้ออกจากตำแหน่งไว้ก่อน ทั้งนี้เมื่อพิสูจน์ได้ว่า บริสุทธิ์ไร้มลทินก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าได้ตามเดิม แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าคณะปกครองด้วย ส่วนการจะพักงานนานเท่าใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นว่า จะมีผลสรุปออกมาเมื่อใด ซึ่งอาจจะนานเกิน1 ปีก็ได้

การสั่งพักงานเจ้าคุณเสนาะทั้ง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ เจ้าอาวาส เจ้าคณะภาค และประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23 ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ. 2541 และอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลของพระสงฆ์ที่มีคุณสมบัติและมีความเหมาะสมที่จะเป็นกรรมการ มส.รูปใหม่ ต่อไป

สำหรับ"เจ้าคุณเสนาะ"นั้น ถือเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ มีเส้นทางชีวิตที่น่าสนใจยิ่ง จนสร้างประวัติศาสตร์สะท้านกรุงรัตนโกสินทร์มาแล้ว โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2521 ที่พระอุโบสถวัดสระเกศราชวิหาร ได้รับฉายาว่า "ปญฺญาวชิโร" มีความหมายว่า "ผู้มีปัญญาอันเฉียบแหลม"

หลังจากอุปสมบทได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่ง"เลขานุการ สมเด็จพระพุฒาจารย์" (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และทำหน้าที่ดังกล่าวมาอย่างยาวนาน จนเปรียบเสมือน"แขนขวา" ของเจ้าประคุณสมเด็จเกี่ยว

2530 ได้รับการแต่งตั้งเป็น"พระครูสัญญาบัตร"ฐานานุกรมในพระพรหมคุณาภรณ์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ที่ พระครูปลัดสุวัฒนพรหมคุณ ต่อมาในปีเดียวกันได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น"พระราชาคณะชั้นสามัญ" เปรียญที่ "พระปัญญาวชิราภรณ์"
จากนั้นก็ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์มาโดยตลอด ในปี 2535 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชสิทธิมงคล ปี 2540 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพโสภณ ปี 2543 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมสิทธิเวที และปี 2548 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองที่ "พระพรหมสุธี"

การได้รับสมณศักดิ์เป็น "พระราชาคณะเจ้าคณะรอง" ของเจ้าคุณเสนาะที่ พระพรหมสุธี ถือเป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะได้รับสมณศักดิ์ชั้นดังกล่าวทั้งที่มีอายุไม่ถึง 50 ปี เนื่องจากขณะนั้นเจ้าคุณเสนาะมีอายุเพียง 45 ปี และอายุพรรษาที่ 27 พรรษา

ตามประวัติศาสตร์ มีพระเพียง 4 รูปเท่านั้น ที่ได้รับการสถาปนาในลักษณะดังกล่าวคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์(อาจ อาสโภ) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ กทม. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก(เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กทม. และพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กทม.

ไม่เพียงเท่านั้น "เจ้าคุณเสนาะ"เป็นพระสงฆ์รูปเดียวของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ได้รับการสถาปนาในขณะที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

เหนืออื่นใดเจ้าคุณเสนาะนั้นไม่ใช่พระธรรมดา หากแต่มีสมณศักดิ์ ที่"ชั้นพรหม"หรือที่ศัพท์ทางพระเรียกกันว่า"พระราชาคณะเจ้าคณะชั้นหิรัญบัฏ"ซึ่งอีกเพียงชั้นเดียวก็ได้เป็น "สมเด็จพระราชาคณะ" แล้ว และในปัจจุบันมีพระที่ได้รับสมณศักดิ์ในชั้นนี้เพียง 23 รูป(ทั้งมหานิกายและธรรมยุตินิกาย) เท่านั้น

ต้องไม่ลืมว่า พระพรหมสุธีหรือเจ้าคุณเสนาะยังเคยมีตำแหน่งในทางการปกครองของคณะสงฆ์ไทยมากมายหลายตำแหน่ง เช่น เคยเป็น "เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ" เคยเป็น "กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เคยเป็นเจ้าคณะภาค 12(ดูแลพระสงฆ์และวัดใน 4 จังหวัดประกอบด้วย จังหวัดปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว) เคยรักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา และเคยเป็นประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เป็นต้น

เจ้าคุณเสนาะถือเป็นพระผู้มากบารมี และทรงอิทธิพลรูปหนึ่งในสังคมไทย และเป็นที่รับรู้กันมาตลอดว่า เจ้าคุณเสนาะคือ"มือขวา" ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชที่ล่วงลับไปแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น "เจ้าคุณเสนาะ" นั้นคือ "ลูกพี่" ของ "พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตฺติจิตฺโต" หรือ "หลวงพี่น้ำฝน" เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ขาใหญ่แห่งเมืองนครปฐม ผู้ซึ่งเจ้าคุณเสนาะแต่งตั้งให้เป็นฐานานุกรม จนสามารถเบ่งกล้ามชนิดไม่กลัวเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม อีกทั้งเคยได้รับการคาดการณ์ว่าจะได้รับการสถาปนาขึ้น เป็น "สมเด็จพระพุฒาจารย์"สืบต่อจากผู้เป็นอาจารย์

เส้นทางชีวิตในสมณเพศที่ไม่ธรรมดา และมูลเหตุที่เป็นเช่นนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะ"เจ้าคุณเสนาะ"ทำงานรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย โดยเฉพาะหลังจากที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประชวร และเสด็จเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เรียกได้ว่าถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่กุฏิของเจ้าคุณเสนาะ

ภาพจำความยิ่งใหญ่ของ"เจ้าคุณเสนาะ"เห็นจะหนีไม่พ้นกรณี "หลวงพี่น้ำฝน" เพราะใครเลยจะไปคิดว่า พระที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาสารพัดสารพัดจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรม และทันทีที่หลวงพี่น้ำฝนได้รับการแต่งตั้ง จากเจ้าคุณเสนาะ ก็เดินอกผายไหล่ผึ่งถือตาลปัตรกลับวัดไผ่ล้อมอย่างไม่เกรงกลัวใคร และฉับพลันข้อร้องเรียนต่างๆ ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ก็เงียบหายเป็นปลิดทิ้ง

จ้าคุณเสนาะยังเคยรักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา วัดที่ได้ชื่อว่ามีผลประโยชน์และเงินทองมากมายมหาศาล อยู่เป็นเวลาหลายปี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ความยิ่งใหญ่ของเจ้าคุณเสนาะอาจจะเป็นเหตุทำให้เจ้าคุณเสนาะ"คิดมาก"เนื่องจากไม่สามารถปล่อยวาง "อำนาจวาสนา" ซึ่งเคยได้ลิ้มชิมรสมาโดยตลอดได้ ทั้งๆ ที่บวชเรียนมาตลอดชีวิต รวมทั้งสอนพระปริยัติธรรมให้กับลูกศิษย์ลูกหามามากมาย รวมทั้งเจ้าคุณเสนาะเองก็น่าจะได้รับรู้ข้อมูลมาบ้างแล้วว่า ได้มีการเคลียร์เรื่องนี้จบสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากการช่วยเหลือของหลายฝ่าย

ก่อนกระทำ "อัตวินิบาตกรรม"ด้วยการใช้ "ประคดผูกคอตาย"ของ"เจ้าคุณเสนาะ"เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 ถือเป็นเหตุการณ์ที่ประวัติศาสตร์สงฆ์ไทยจะต้องจารึกนั้นเวลาญาติโยมมาเยี่ยมหรือแม้แต่พระสงฆ์เข้ามาสักการะ ก็จะพูดคุยไม่นาน ทั้งยังเคยเปรยอีกด้วยว่า"เบื่อ ไม่อยากอยู่แล้ว"

-----//------

logoline