svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

เจาะตำนานอัจฉริยะนาม"โรนัลดินโญ"

20 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ชีวิตบนเส้นทางลูกหนังของโรนัลดินโญนั้นเต็มไปด้วยสีสัน เริ่มจากการเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งระดับวันเดอร์คิดของวงการลูกหนัง มาเป็นนักเตะที่น่าจับตามอง จนก้าวไปเป็นนักเตะระดับโลก

เรียกได้ว่าเป็นสตาร์ดังคนแรกของวงการฟุตบอลที่ประกาศอำลาสนามอย่างเป็นทางการต้อนรับปี 2018 สำหรับ "โรนัลดินโญ" อดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิล หลังจากพี่ชายในฐานะผู้จัดการส่วนตัวออกมาเปิดเผยว่าเจ้าของฉายา"เหยินน้อย"ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวไปแล้วในวัย 37 ปี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(16 ม.ค.)พร้อมกับแจ้งว่า แมตช์อำลาของ โรนัลดินโญน่าจะเกิดขึ้นหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย

ชีวิตบนเส้นทางลูกหนังของโรนัลดินโญนั้นเต็มไปด้วยสีสัน เริ่มจากการเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งระดับวันเดอร์คิดของวงการลูกหนัง มาเป็นนักเตะที่น่าจับตามอง จนก้าวไปเป็นนักเตะระดับโลก ประสบความสำเร็จมาทุกระดับทั้งสโมสร ทีมชาติ หรือแม้กระทั่งรางวัลส่วนตัวรวมถึงมีช่วงชีวิตที่ตกต่ำอย่างน่าใจหาย

ก้าวสู่อาชีพลูกหนัง


โรนัลดินโญเกิดเมื่อวันที่ 21มี.ค.1980 ที่เมืองปอร์โตอเลเกร ในบราซิล มีชื่อเต็มๆว่า "โรนัลโดเดอ แอสซิส โมเรรา" แต่รู้จักกันทั่วไปในนาม ของ โรนัลดินโญเกาโช


เจ้าตัวหลงใหลในการเล่นทั้งฟุตบอลโต๊ะเล็กตามท้องถนน และบนพื้นทรายของชายหาดในเมือง ปอร์โตอเลเกร บ้านเกิด โดยเริ่มเป็นที่รู้จักโด่งดังผ่านสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อสร้างประวัติศาสตร์ยิงประตูในการแข่งขันระดับเยาวชนภายในประเทศได้อย่างถล่มทลาย และเป็นดาวเด่นในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลกชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี

โรนัลดินโญเริ่มอาชีพนักเตะกับสโมสรเกรมิโอในบราซิล ในฐานะนักเตะเยาวชนของสโมสร ก่อนจะได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 1998 หลังจากนั้นเป็นต้นมา ความสามารถของเขาก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ในปี 1999 โรนัลดินโญถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 19 ปี เท่านั้น

จนกระทั่งในปีในปี 2001 ก็ได้เดินทางตามความฝันครั้งใหญ่มาสู่ยุโรปโดยเซ็นสัญญาค้าแข้ง 5 ปีกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมดังในฝรั่งเศส ด้วยวัยเพียง 20 ปีเศษ

การผจญภัยในยุโรป


ในช่วงเริ่มต้นที่เล่นให้กับเปแอสเช เจ้าตัวประสบกับปัญหาในการปรับตัวมีข่าวเป็นระยะว่า หลุยส์ แฟร์กน็องเดซ โค้ชของทีมในเวลานั้นไม่ค่อยพอใจและมีความเห็นว่า โรนัลดินโญ เสียสมาธิไปกับการท่องราตรีมากกว่าที่จะมุ่งมั่นกับเกมฟุตบอลรวมทั้งยังมีปัญหาในเรื่องระเบียบวินัยอีกด้วยส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวไม่คงเส้นคงวานัก เพราะเมื่อเจอกับทีมใหญ่ โรนัลดินโญ่ จะเล่นได้อย่างโดดเด่น แต่ในทางกลับกัน หากเล่นกับทีมที่เล็กกว่า เจ้าเหยินน้อยก็จะหายไปจากเกม ซึ่งฟอร์มโดยรวมของโรนัลดินโญในฝรั่งเศสฤดูกาลแรกแม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสุดยอด

จนกระทั่งหลังจากเสร็จศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพเจ้าตัวระเบิดฟอร์มเป็นกำลังสำคัญพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลกมาครอง ทำให้เป็นที่ต้องการของหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป และในปี 2003 โรนัลดินโญประกาศกร้าวว่าต้องการย้ายออกจาก เปแอสเช หลังจากที่สโมสรไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ ประกอบกับการที่เขามีปัญหาขัดแย้งกับเทรนเนอร์ของทีม ซึ่งทำให้หลังจากนั้น มีข้อเสนอมากมายเข้ามาสู่ทีมดังแห่งปารีสสุดท้ายเป็นบาร์เซโลน่า ภายใต้การนำของ โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสรที่ทุ่มเงิน 21 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,386 ล้านบาท) คว้าตัวเหยินน้อยมาสู่ถิ่นคัมป์ นูได้สำเร็จ

ชีวิตของ โรนัลดินโญ ที่บาร์เซโลน่า ถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตการค้าแข้งของเจ้าตัวก็ว่าได้ ตลอด 5 ซีซั่นในถิ่น คัมป์ นูเขาพาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย ขณะเดียวกันยังคว้ารางวัลส่วนตัวอย่างบัลลงดอร์ไปครองในปี 2005 และ ฟีฟ่า เวิลด์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ สองครั้งในปี 2004 และ2005

หลังจากเล่นในสเปนมายาวนาน เจ้าตัวก็ย้ายทีมอีกครั้ง โดยในปี 2008โรนัลดินโญตกลงไปร่วมทีมดังของอิตาลีอย่าง เอซี มิลาน แต่ทุกอย่างกลับไม่สวยหรูเหมือนกับในสเปนตลอดสามซีซั่นที่เล่นให้กับทีม"ปีศาจแดงดำ"แม้ว่าจะสามารถคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มาครองได้ในฤดูกาล 2010-11 แต่เจ้าตัวไม่ได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จนี้มากนัก

อีกทั้งถูกวิจารณ์หนักเรื่องของวินัยนอกสนาม ที่เป็นเรื่องเดิมๆคือการชอบปาร์ตีทำให้สภาพร่างกายย่ำแย่และดูเจ้าเนื้อขึ้นทันตาเห็น จนกระทั่งถูกขายทิ้งออกไปในปี 2011

บั้นปลายอาชีพค้าแข้ง


หลังออกจากมิลาน โรนัลดินโญ่ ก็หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดโดยเล่นให้กับฟลาเมงโกตามมาด้วย แอตเลติโกมิเนโรซึ่งผลงานของเจ้าตัวนั้นมีดีสลับแย่ เหตุผลก็คือเรื่องเดิมๆคือวินัยในการควบคุมตัวเองนอกสนามทำให้ฟอร์มไม่ต่อเนื่อง

รวมถึงมีช่วงสั้นๆที่ไปเล่นกับ "เกเรตาโร" ทีมดังของเม็กซิโกหนึ่งปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เจ้าตัวถึงกับให้สัมภาษณ์ว่า เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความสุขในอาชีพ เนื่องจากผลงานถือว่าดีแม้ว่าช่วงนั้นอายุย่างเข้า 35 ปีแล้วโดยยิงไป 8 ประตู จาก 25 เกม

หลังจากนั้นก็ย้ายกลับมาเล่นในบราซิลอีกครั้งกับฟลูมิเนนเซในปี 2015 ซึ่งเจ้าตัวลงสนามอย่างเป็นทางการเกมสุดท้ายในปีดังกล่าวจนกระทั่งหายจากการเล่นอาชีพไปพักใหญ่และประกาศอำลาสนามดังที่เป็นข่าวในที่สุด

แม้ว่าเรื่องราวช่วงบั้นปลายชีวิตนักฟุตบอลของ โรนัลดินโญ อาจจะไม่สวยหรูนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเห็นได้ชัดเจนไม่ว่าเจ้าตัวจะอยู่ในเสื้อทีมไหนนั่นคือแววตาและรอยยิ้มที่มีความสุขขณะเล่นฟุตบอลไม่ว่าผลงานของทีมหรือตนเองจะเป็นอย่างไร

ในเรื่องดังกล่าวโรนัลดินโญ่เคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมยิ้มเพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก คุณจะไม่สนุกไปกับมันหรือถ้าได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก"

logoline