นายอุดมกล่าวอีกว่า ขณะนี้เราตอบได้เพียง 2 ประเด็น โดยประเด็นแรกคือเทคนิคการใช้กฎหมาย คือเรื่องแบบนี้ไม่มีปัญหา ซึ่งผลบังคับใช้ก็ขึ้นอยู่กับที่สภาว่าจะมองอย่างไร จะเพิ่มเวลาอีก 120 วัน, 180 วัน, 1 ปี แล้วค่อยมีผลก็ยังได้ บางกรณีระบุให้รัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกาให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ ในประเด็นที่สองสาเหตุการให้กฎหมายต้องเลื่อนออกไปก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลของฝ่ายการเมืองที่บริหารอยู่ ว่ามีเหตุผลอะไรที่จำเป็นต้องขยับเวลาบังคับใช้กฎหมายออกไป ซึ่งตรงนี้ กรธ. คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ดูแลสถานการณ์บ้านเมือง ความพร้อมต่างๆเป็นเรื่องของรัฐบาล และคนที่ใช้กฎหมายเหล่านี้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่า สนช. รับใบสั่งเลื่อนเลือกตั้ง นายอุดมกล่าวว่า จริงๆจะไปบอกว่าเขารับคำสั่งคงไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นแค่ข้อเสนอเสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการเท่านั้น ท้ายที่สุดต้องผ่านที่ประชุม สนช. ก็ต้องไปดูที่มติและการอภิปรายเหตุผลว่าเห็นด้วยหรือไม่ ถึงตอนนั้นเราก็ค่อยมาพูดกันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ถึงตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ว่า เขาจะอธิบายความเหมาะสมของการเลื่อนเวลาออกอย่างไร
เมื่อถามอีกว่า พูดได้เต็มปากไหมว่า การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกจากโร้ดแมพเดิมแล้ว นายอุดม กล่าวว่า โอกาสน่าจะเป็นลักษณะนั้น การเลือกตั้งจะเลื่อนไปต้นปี หรือปลายปี 62 ก็พอจะคาดการณ์กันได้แล้ว แต่ตนอยากเรียนว่า สังคมคงอยากจะรู้ว่ามีการเลือกตั้งแน่ๆหรือเปล่า ผมมีความเชื่อว่าการขยับระยะเวลาไปทำให้พรรคใหญ่และพรรคเล็กมีเวลาหายใจในการเตรียมการหลายๆเรื่อง
ในส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่าการเลื่อนเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเพราะพรรคทหารยังไม่พร้อม นายอุดมกล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือก ไม่ใช่พรรคทหาร ที่มีการวิจารณ์กันด็เป็นเรื่องทางการเมืองทั้งนั้น การยืดเวลาออกไปถ้าไม่เยอะตนว่าไม่กระทบ หรือคะแนนนิยมเปลี่ยนแปลงกมาขึ้น ตนเห็นแค่กระแสกดดันให้มีการเลือกตั้งจริงๆ ไม่ใช่เลื่อนไปเรื่อยๆเมื่อถามต่อว่าการเลื่อนเวลาออกเรื่อยๆเช่นนี้จะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอุดมกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผลงานของเขา ถ้ามีผลงานดีประชาชนก็คงไม่ต่อว่าอะไร แต่ถ้าผลงานไม่ดีก็อาจเป็นภาพลบได้