svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรัมป์เดินหน้าร่วมประชุมเวที World Economic Forum 2018 ปลายเดือนนี้

18 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์เดินหน้าร่วมประชุมเวที World Economic Forum 2018 ปลายเดือนนี้ ที่้เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ตอบโจทย์ผู้นำประเทศและนักธุรกิจทั้วโลก รวมทั้งนักวิชาการ และผู้นำกลุ่ม NGO มากกว่า 2,200 คน ที่ให้ความซีเรียสต่องสถานการณ์ความตึงเครียดของโลกที่เสี่ยงต่อ Global Systems มีความเปราะบางมากขึ้น


ขณะที่ฟองสบู่ในตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดอาการสะดุดของตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท ถูกถล่มระหว่างชั่วโมงซื้อขายเมื่อวันอังคาร กลับมาทะยานปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 26,000 เป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 17 มกราคม พร้อมๆ กับการทำนิวไฮของ Nasdaq และ S&P 500 ท่ามกลางการจับตาของนักลงทุนต่อการประชุมของสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนวันศุกร์นี้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยง Government Shutdown
เช่นเดียวกับทิศทางตลาดหุ้นเอเชียปิดตลาดปรับตัวขึ้น ขานรับหุ้นวอลล์ สตรีท ทำนิวไฮ นำโดย ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะลุ 24,000 เป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี

1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมการร่วมประชุมเวที World Economic Forum 2018 ในระหว่างวันที่ 23-26 มกราคม ที่้เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งต้องตอบโจทย์ผู้นำประเทศและซีอีโอทั่วโลก รวมทั้งนักวิชาการ และผู้นำกลุ่ม NGO มากกว่า 2,200 คน ที่ให้ความซีเรียสต่องสถานการณ์ความตึงเครียดของโลกที่เสี่ยงต่อ Global Systems มีความเปราะบางมากขึ้นทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
ขณะที่ Global Risks Report 2018 ซึ่งเป็นไฮไลท์ของการประชุมทุกๆ ปี โดยโฟกัสไปที่ประเด็นความเสี่ยง 3 เรื่องคือ ความกดดันของบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อโลกมีอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น ความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจของโลก และการโจมตีทางด้านไซเบอร์ หรือ Cyber Attacks

2. กลุ่มผู้ถูกสำรวจกว่า 1,000 คนตามรายงาน Global Risks Report 2018 มากกว่า 93% มองว่าโลกจะตึงเครียดมากขึ้นจากการเผชิญหน้ากันมากขึ้นขอบมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในปี 2018 นี้ โดยจำนวน 40% เชื่อว่า จะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและพันธมิตร กับเกาหลีเหนือ รวมถึงการก่อตัวที่อาจมากขึ้นของปัญหาสงครามการค้า หลังจากที่มีกระแสข่าวจากทำเนียบขาวเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ทางการค้าที่สหรัฐจะประกาศใช้ดำเนินการกับจีนและรัสเซีย

3. ขณะที่ฟองสบู่ในตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดอาการสะดุดของตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท ถูกถล่มระหว่างชั่วโมงซื้อขายมากกว่า 320 จุดเมื่อวันอังคาร กลับมาทะยานปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 26,000 เป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 17 มกราคม พร้อมๆ กับการทำนิวไฮของ Nasdaq และ S&P 500
โดยที่ดาวโจนส์ปิดตลาดทำนิวไฮในวันพุธที่ 26,115 พุ่งขึ้น 322.79 จุด หรือ 1.25% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดทำนิวไฮที่ 2,802 เพิ่มขึ้น 26.14 จุด หรือ 0.94% และเช่นเดียวกับดัชนี Nasdaq ปิดในจุดพีคที่ 7,298 เพิ่มขึ้น 74.59 จุด หรือ 1.03%
ท่ามกลางการจับตาของนักลงทุนต่อการประชุมของสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนวันศุกร์นี้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยง Government Shutdown

4. ส่วนทิศทางตลาดหุ้นเอเชียปิดตลาดปรับตัวขึ้น ขานรับหุ้นวอลล์ สตรีท ทำนิวไฮ นำโดย ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะลุ 24,000 เป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปีนับตั้งแต่ปี 1991
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทที่ปิดทำการนิวไฮ ดัชนี NIKKEI 225 ญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,978 เพิ่มขึ้น 110.27 จุด หรือ 0.46% ย่อตัวเล็กน้อยหลังทะลุระดับ 24,000 ขณะที่ดัชนีหั่งเส็งฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 32,021 เพิ่มขึ้น 38.32 จุด หรือ 0.12% รวมทั้งดัชนีหุ้นไทยพุ่งขึ้นปิดภาคเช้าที่ 1,833 เพิ่มขึ้น 4.30 จุดหรือ 0.24% วอลุ่มมากกว่า 41,989 ล้านบาท

5. นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มกังวลต่อสถานการณ์ซื้อขายของ Bitcoin หลังจากค่ำคืนที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ดิ่งลงหลุดระดับ 10,000 ดอลลาร์ สู่ระดับต่ำสุดที่ 9,200 ดอลลาร์ ลดลงถึง 54% จากราคาสูงสุด 20,000 ดอลลาร์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 ก่อรไต่ขึ้นมาที่ 11,432 ดอลลาร์ในวันนี้ หรือลดลง 40% จากราคาที่ขึ้นไปสูงสุด
ท่ามกลางแรงเทขายสกุลเงินดิจิตัลยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการที่จีนและเกาหลีใต้อาจมีคำสั่งห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิตัล ส่งผลให้ทั้ง Bitcoin, Etherium และ Ripple ดิ่งลง และทำให้มูลค่าตลาดที่เป็นมาร์เก็ตแคปวูบหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันเดียว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทางการจีนกำลังเตรียมการกวาดล้างเงินดิจิตัลครั้งใหม่ และมีแผนที่จะยุติการซื้อขายที่ยังคงเหลืออยู่ในประเทศ โดยที่ Securities Journal ยังมีการอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อที่มีความใกล้ชิดกับหน่วยงานจัดการความเสี่ยงทางการเงินออนไลน์ โดยกระแสข่าวดังกล่าวสวนทางกับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ทางการจีนมีเป้าหมายที่จะออก Cryptocurrency ที่เป็นสกุลเงินหยวนโดยมีทองหนุนหลัง เพื่อเสริมสภาพคล่องเงินหยวนในตลาดการเงินโลกมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

logoline