หุ้นตลาดเกิดใหม่ยังคงให้ผลตอบแทนการลงทุนที่นำโด่ง เหนือตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว

ส่วนหุ้นวอลล์ สตรีท ของสหรัฐก็มีภาวะที่ร้อนแรงให้ผลตอบแทนการลงทุนโดยเฉลี่ยที่ 24% ในปีที่แล้ว ยังคงเปิดตลาดซื้อขายเป็นวันแรกในวันอังคารอย่างร้อนแรงจากแรงกระตุ้นของหุ้นกลุ่มเมคโนโลยีดันดัชนี Nasdaq พุ่งทะลุระดับ 7,000 สูงสุดเป็นประวัติการณ์


1. บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโลกปี 2017 ถือเป็นปีที่ดีที่สุดปีหนึ่ง โดยที่มูลค่าหุ้นโลกพุ่งทะยานมากกว่า 12.4 ล้านล้านดอลลาร์ เรียกได้ว่า หุ้นแรลลี่กันทั่วโลก โดยที่ก่อนหน้านี้ MSCI World Equity Index ระบุผลตอบแทนการลงทุนในภาพรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 22% ในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงให้ผลตอบแทรการลงทุนที่นำโด่งเหนือตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นอาร์เจนตินาที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนพุ่งสูงขึ้นถึง 77% รวมถึงตลาดหุ้นตุรกีให้ผลตอบแทนที่ 48% และตลาดหุ้นไนจีเรียให้ผลตอบแทนที่ 42%


2. ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งวัดโดย MSCI Asia Pacific Equity Index พุ่งขึ้นถึง 29% นำโดยดัชนีหั่งเส็งของฮ่องกงที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 36% เนื่องจากราคาหุ้นขนาดใหญ่เป็นตัวขับเคลื่อนโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อย่างเช่น Tencent

ความตื่นตัวของนักลงทุนนังมีอย่างต่อเนื่องในการเปิดเทรดวันแรกหลังวันปีใหม่ ซึ่งนำโดยหุ้นเอเชีย โดยดัชนีหั่งเส็งฮ่องกงพุ่ง 2 วันซ้อนมากกว่า 2.3% แตะที่ 30,658



3. นอกจากนี้ บรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท ของสหรัฐ ก็มีความร้อนแรงเช่นเดียวกัน ให้ผลตอบแทนในภาพรวมเพิ่มขึ้นราว 24% โดยที่ดัชนีดาวโจนส์ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 25% ดัชนีหุ้น S&P500 ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐนั้นให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 19% และดัชนีหุ้น Nasdaq ให้ผลตอบแทนพุ่งขึ้นถึง 28%

โดยที่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในกลุ่ม FANG ที่ประกอกบด้วย Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันเปิดเทรดวันแรกเมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคม ทำนิวไฮทะลุระดับดัชนี 7,000



4. การที่บรรยากาศของตลาดหุ้นดีขึ้น เรื่องจากข่าวที่เกาหลีเหนือตอบรับการยื่นข้อเสนอจากรัฐบาลเกาหลีใต้ให้เปิดการเจรจาในวันที่ 9 มกราคมนี้ ในประเด็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพด้วย โดยที่สหรัฐยอมเปิดทางให้ทั้งสองประเทศเปิดการเจรจากันเวลาที่กำหนด ถึงแม้ว่าทางการทำเนียบขาวจะเชื่อว่า ถึงที่สุดแล้วการเจรจาอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีการทวีตระบุุถึงคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่มีปุ่มกดนิวเคลียร์ แต่ปุ่มกดนิวเคลียร์ของสหรัฐทั้งใหญ่กว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่าปุ่มกดนิวเคลียร์ที่อ้างว่าวางอยู่บนโต๊ะทำงานของคิม จองอึน

ทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีทรัมป์มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวสุนทรพจน์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ที่มีการแพร่ภาพไปทั่วประเทศเนื่องในวันปีใหม่ถึงปุ่มกดนิวเคลียร์ได้ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาตลอดเวลา เป็นการเตรียมพร้อมหากว่าเกาหลีเหนือถูกคุกคามจากสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวอีกกระแสถึงการเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ครั้งใหญ่ที่สุดอีก หลังจากที่ถูกมาตรการแซงก์ชันของสหประชาชาติมีมติห้ามประเทศสมาชิกขายหรือลักลอบขายน้ำมันให้กับเกาหลีเหนือ เพื่อกดดันไม่ให้เกาหลีเหนือมีพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับนำไปใช้เพื่อการยิงขีปนาวุธ


5. ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 24,824 เพิ่มขึ้น 104.79 จุด หรือ 0.42% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,695 เพิ่มขึ้น 22.20 จุด หรือ 0.83% ดัชนี Nasdaq ยืนเหนือระดับดัชนีที่ 7,000 เป็นครั้งแรกปิดที่ 7,006 เพิ่มขึ้น 103.51 จุด หรือ 1.5%
ท่ามกลางเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเหนือระดับ 1.208 ดอลลาร๋ หรือแข็งค่าถึง 0.5% เมื่อวันอังคารที่ 2 มกราคม ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นยุโรปมีการปรับตัวลดลง 0,5-1,0%