รักโลก by วชิรวิทย์ | รอยเท้าปริศนา?
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
รอยเท้าปริศนาที่มีขึ้นในทุ่งนาของชาวบ้าน ที่จังหวัดลำปาง จนถึงตอนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเป็นรอยเท้าของอะไร เรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นได้บานปลายกลายเป็นที่วิพากย์วิจารณ์ กันไปต่างๆนาๆ มีทั้งร่างทรง มีทั้งหน่วยงานราชการต่างๆ ต้องลงไปดูแลความเรียบร้อย และปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้ยุคนี้จะเป็นยุคดิจิทัล แต่ในเรื่องของความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นยังมีอยู่
(1)
หัวค่ำของทุกคืน บ้านแทบทุกหลังในชุมชนวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ปิดสนิท เป็นไปตามวิถีชนบท เว้นแต่มีคนออกมาหากบ หาเขียดตามท้องทุ่ง แต่คืนนี้น่าจะต่างกว่าทุกคืน เพราะมีรอยเท้าปริศนาโผล่กลางทุ่งนา โดยที่ชาวบ้านเชื่อว่าไม่น่าใช่รอยเท้าของมนุษย์
เช้าวันรุ่งขึ้น ทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนกลับมาสำรวจรอยเท้าปริศนานี่อีกครั้ง พบว่าความยาวจากส้นเท้าจรดถึงปลายนิ้วเท้า 1 ไม้บรรทัด หรือ 12 นิ้ว และมีขนาดความกว้างของฝ่าเท้าใหญ่กว่าคนปกติ ขนาดก้าวแต่ก้าวมีความยาว 150 - 170 เซนติเมตร
นี่คือรอยเท้าแรกที่พบ ปรากฎจากจุดนี้ เดินข้ามไปยังนาอีกแปลงหนึ่ง ซึ่งเห็นเป็นร่องรอยชัดเจนกว่าจุดแรก รวมๆแล้วเราพบทั้งหมด 12 รอยเท้า ซ้ายขวา สลับกัน ก่อนเดินข้ามไปยังนาอีกแปลงหนึ่ง แล้วหายไป
จนถึงนาทีนี้ยังไม่มีใครในหมู่บ้านยอมรับว่าเป็นรอยเท้าของตัวเอง เมื่อข่าวสารถูกบอกเล่าออกไป และมีชาวบ้านคนหนึ่งตีเลขจากรอยเท้าที่พบ จนถูกราววัลสลากออมสิน ชาวบ้านจากหลายตำบลในอำเภอวังเหนือ จึงเดินทางมาดูรอยเท้าปริศนานี้พร้อมกับของเซ่นไหว้
(2)
ประสงค์ เป็นเจ้าของนาที่พบรอยเท้า ศิริพรรณคือภรรยา นายประสงค์ เป็นคนที่พบรอยเท้าปริศนานี้เป็นคนแรก ก่อนที่จะมาบอกภรรยา ซึงภรรยาของเขา บอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ก่อนมาดูให้เห็นกับ ตาของตัวเอง
ในความทรงจำของชาวบ้านไม่เคยมีเรื่องปริศนาเร้นลับเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน การวิพากย์วิจารณ์ มีทั้งคนที่ไม่เชื่อ แต่หลายคนเชื่อ แม้พยายามหาคำตอบว่านี่เป็นรอยเท้าของใครกัน ก็พบกับคำถามว่า ทำไมรอยเท้าจึงใหญ่กว่าคนทั่วไป น่าจะเป็นเท้าคนโบราณหรือไม่ ทำไมรอยก้าวถึงก้าวยาวกว่าคนปกติ จะต้องเป็นคนตัวใหญ่ขนาดไหน และโดยปกติชาวบ้านที่ลุยท้องนาจะใส่รองเท้าบูธเพื่อป้องกันยาฆ่าหญ้า แต่รอยเท้าที่พบปรากฎเห็นรอยนิ้วเท้าชัดเจน
(3)
ข้อสันนิฐานตามความเชื่อของชาวบ้านคือ น่าจะเป็นรอยเท้าของพระเจ้าดอยหนอก คือเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาที่เดินลงมาจากดอยหนอก ที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้ และอีกข้อสันนิฐานหนึ่ง คือรอยเท้าของพ่อปู่ฤาษี ซึ่งเป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้านมานานแล้ว ซึ่งมีศาลเพียตา อยู่ภายในวัดทุ่งฮี ห่างจากบริเวณที่พบรอยเท้า 300 เมตร และข้อสันนิฐานจากความเชื่อนี้ชาวบ้านเชื่อถือมากที่สุด
ทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนจึงเดินทางไปที่วัดทุ่งฮี เพื่อสำรวจศาลเพียงตาของพ่อปู่ฤาษี ตามคำกล่าวอ้างของชาวบ้าน เราได้พบกับ รอยเท้าที่มีลักษณะคล้ายกันกับที่พบที่ทุ่งนา ชาวบ้านบอกว่า น่าจะเป็นรอยเท้าของปู่ฤาษี องค์เดียวกัน ซึ่งศาลเพียงตาหลังใหม่ที่สร้างแทนหลังเดิมสร้างเสร็จเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และ 1 วันหลังเทปูนใหม่ ก็พบรอยเท้าอย่างที่เห็น
เราสังเกตขนาดของรอยเท้านี้ มีขนาดไม่ต่างกับของคนทั่วไป เราให้ชาวบ้านผู้ชาย นำเท้ามาเปรียบเทียบ ดูในภาพนี้ จะเห็นว่า มีขนาดที่ไม่ต่างกัน หรือใหญ่กว่าไม่มากนัก แต่ชาวบ้านบอกว่ารอยเท้ามีขนาดใหญ่กว่าเท้าทุกคนในหมู่บ้าน
ทีมข่าว ต้องการสอบถามเรื่องนี้ กับ เจ้าอาวาสวัดทุ่งฮี แต่หลวงพ่อไม่อยู่ ลูกศิษย์วัดบอกกับทีมข่าวว่า วัดไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ด้วยความบริสุทธิใจจึงชี้แจงก่อนว่า ไม่เกี่ยวกับการสร้างวิหารของวัดที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้
(4)
ปฎิเสธไม่ได้ว่าความเป็นปริศนาที่เกิดขึ้น ได้กลายเป็นกระแสที่ทำให้คนต่างพื้นที่ เดินทางมาดูเป็นจำนวนมาก จนหน่วยงานราชการต้องลงมาดูแลสถานการณ์ เพื่อรายงานต่อทางจังหวัดทราบ
ชายคนนี้ คือนายอำเภอวังเหนือ เขาบอกว่าในทางปฏิบัติของทางราชการไม่สนับสนุนความเชื่อเหล่านี้ และต้องการหาคำตอบเพื่อพิสูจน์เช่นกันหลังจากทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนเดินทางกลับ วันต่อมา ชาวบ้านบันทึกคลิปเหตุการณ์ หญิงวัยกลางคนสวมใส่ชุดขาว ในอาการคล้ายผีเข้า อ้างว่า รอยเท้านี้ เป็นรอยเท้าของตน ซึ่งเป็นผีเปรตสูง 32 ศอก อยู่ที่นี่มาเป็นร้อยปี
เลือดและเนื้อสด 9 กอง คือสิ่งที่เปรตตนนี้ต้องการ ไม่เช่นจะเอาชีวิตเจ้าอาวาสวัดทุ่งฮี และเผาวิหารที่กำลังก่อสร้าง ชาวบ้านจึงจัดหาเนื้อและเลือดสดมาสังเวย ตรงจุดที่พบรอยเท้า จากนั้นหญิงร่างทรงที่อ้างว่าเป็นเปรต ก็หยิบเนื้อและเลือดสดมากัดกิน ท่ามกลางสายตาชาวบ้าน
(5)
ทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนเดินทางกลับมาจากลำปาง พร้อมกับคำถามคาใจ สรุปแล้วรอยเท้าปริศนานั้นเป็นของใครกัน นักวิทยาศาสตร์ อย่าง ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นรอยเท้านี้แล้วบอกว่าเป็นรอยเท้ามนุษย์อย่างแน่นอน สาเหตุที่ทำให้รอยเท้าใหญ่กว่าเท้าคนปกติเพียงเล็กน้อยอย่างที่นี้ เกิดจากดินที่อุ้มน้ำอยู่ เมื่อมีวัตถุกดทับ ก็ทำให้รอยขยายออก จากเนื้อดินที่มีความหมาดน้ำอยู่
ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เสียหายหากไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือเบียดเบียนผู้อื่น ก็นับว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่หากความเชื่อนั้นนำมาสู่การแสวงหาผลประโยชน์ เราก็ต้องรู้เท่าทัน ในกรณีรอยเท้าปริศนาก็เช่นกัน แม้จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จะยืนยันว่าเป็นรอยเท้ามนุษย์ แต่ชาวบ้านบางส่วนยังคงมีความเชื่อในสิ่งลี้ลับ หลังจากนี้คงต้องจับตาดูว่า เรื่องจะเงียบไป หรือมีการชักชวนบูชา มากขึ้นหรือไม่
หัวค่ำของทุกคืน บ้านแทบทุกหลังในชุมชนวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ปิดสนิท เป็นไปตามวิถีชนบท เว้นแต่มีคนออกมาหากบ หาเขียดตามท้องทุ่ง แต่คืนนี้น่าจะต่างกว่าทุกคืน เพราะมีรอยเท้าปริศนาโผล่กลางทุ่งนา โดยที่ชาวบ้านเชื่อว่าไม่น่าใช่รอยเท้าของมนุษย์
เช้าวันรุ่งขึ้น ทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนกลับมาสำรวจรอยเท้าปริศนานี่อีกครั้ง พบว่าความยาวจากส้นเท้าจรดถึงปลายนิ้วเท้า 1 ไม้บรรทัด หรือ 12 นิ้ว และมีขนาดความกว้างของฝ่าเท้าใหญ่กว่าคนปกติ ขนาดก้าวแต่ก้าวมีความยาว 150 - 170 เซนติเมตร
นี่คือรอยเท้าแรกที่พบ ปรากฎจากจุดนี้ เดินข้ามไปยังนาอีกแปลงหนึ่ง ซึ่งเห็นเป็นร่องรอยชัดเจนกว่าจุดแรก รวมๆแล้วเราพบทั้งหมด 12 รอยเท้า ซ้ายขวา สลับกัน ก่อนเดินข้ามไปยังนาอีกแปลงหนึ่ง แล้วหายไป
จนถึงนาทีนี้ยังไม่มีใครในหมู่บ้านยอมรับว่าเป็นรอยเท้าของตัวเอง เมื่อข่าวสารถูกบอกเล่าออกไป และมีชาวบ้านคนหนึ่งตีเลขจากรอยเท้าที่พบ จนถูกราววัลสลากออมสิน ชาวบ้านจากหลายตำบลในอำเภอวังเหนือ จึงเดินทางมาดูรอยเท้าปริศนานี้พร้อมกับของเซ่นไหว้
(2)
ประสงค์ เป็นเจ้าของนาที่พบรอยเท้า ศิริพรรณคือภรรยา นายประสงค์ เป็นคนที่พบรอยเท้าปริศนานี้เป็นคนแรก ก่อนที่จะมาบอกภรรยา ซึงภรรยาของเขา บอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ก่อนมาดูให้เห็นกับ ตาของตัวเอง
ในความทรงจำของชาวบ้านไม่เคยมีเรื่องปริศนาเร้นลับเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน การวิพากย์วิจารณ์ มีทั้งคนที่ไม่เชื่อ แต่หลายคนเชื่อ แม้พยายามหาคำตอบว่านี่เป็นรอยเท้าของใครกัน ก็พบกับคำถามว่า ทำไมรอยเท้าจึงใหญ่กว่าคนทั่วไป น่าจะเป็นเท้าคนโบราณหรือไม่ ทำไมรอยก้าวถึงก้าวยาวกว่าคนปกติ จะต้องเป็นคนตัวใหญ่ขนาดไหน และโดยปกติชาวบ้านที่ลุยท้องนาจะใส่รองเท้าบูธเพื่อป้องกันยาฆ่าหญ้า แต่รอยเท้าที่พบปรากฎเห็นรอยนิ้วเท้าชัดเจน
(3)
ข้อสันนิฐานตามความเชื่อของชาวบ้านคือ น่าจะเป็นรอยเท้าของพระเจ้าดอยหนอก คือเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาที่เดินลงมาจากดอยหนอก ที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้ และอีกข้อสันนิฐานหนึ่ง คือรอยเท้าของพ่อปู่ฤาษี ซึ่งเป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้านมานานแล้ว ซึ่งมีศาลเพียตา อยู่ภายในวัดทุ่งฮี ห่างจากบริเวณที่พบรอยเท้า 300 เมตร และข้อสันนิฐานจากความเชื่อนี้ชาวบ้านเชื่อถือมากที่สุด
ทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนจึงเดินทางไปที่วัดทุ่งฮี เพื่อสำรวจศาลเพียงตาของพ่อปู่ฤาษี ตามคำกล่าวอ้างของชาวบ้าน เราได้พบกับ รอยเท้าที่มีลักษณะคล้ายกันกับที่พบที่ทุ่งนา ชาวบ้านบอกว่า น่าจะเป็นรอยเท้าของปู่ฤาษี องค์เดียวกัน ซึ่งศาลเพียงตาหลังใหม่ที่สร้างแทนหลังเดิมสร้างเสร็จเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และ 1 วันหลังเทปูนใหม่ ก็พบรอยเท้าอย่างที่เห็น
เราสังเกตขนาดของรอยเท้านี้ มีขนาดไม่ต่างกับของคนทั่วไป เราให้ชาวบ้านผู้ชาย นำเท้ามาเปรียบเทียบ ดูในภาพนี้ จะเห็นว่า มีขนาดที่ไม่ต่างกัน หรือใหญ่กว่าไม่มากนัก แต่ชาวบ้านบอกว่ารอยเท้ามีขนาดใหญ่กว่าเท้าทุกคนในหมู่บ้าน
ทีมข่าว ต้องการสอบถามเรื่องนี้ กับ เจ้าอาวาสวัดทุ่งฮี แต่หลวงพ่อไม่อยู่ ลูกศิษย์วัดบอกกับทีมข่าวว่า วัดไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ด้วยความบริสุทธิใจจึงชี้แจงก่อนว่า ไม่เกี่ยวกับการสร้างวิหารของวัดที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้
(4)
ปฎิเสธไม่ได้ว่าความเป็นปริศนาที่เกิดขึ้น ได้กลายเป็นกระแสที่ทำให้คนต่างพื้นที่ เดินทางมาดูเป็นจำนวนมาก จนหน่วยงานราชการต้องลงมาดูแลสถานการณ์ เพื่อรายงานต่อทางจังหวัดทราบ
ชายคนนี้ คือนายอำเภอวังเหนือ เขาบอกว่าในทางปฏิบัติของทางราชการไม่สนับสนุนความเชื่อเหล่านี้ และต้องการหาคำตอบเพื่อพิสูจน์เช่นกันหลังจากทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนเดินทางกลับ วันต่อมา ชาวบ้านบันทึกคลิปเหตุการณ์ หญิงวัยกลางคนสวมใส่ชุดขาว ในอาการคล้ายผีเข้า อ้างว่า รอยเท้านี้ เป็นรอยเท้าของตน ซึ่งเป็นผีเปรตสูง 32 ศอก อยู่ที่นี่มาเป็นร้อยปี
เลือดและเนื้อสด 9 กอง คือสิ่งที่เปรตตนนี้ต้องการ ไม่เช่นจะเอาชีวิตเจ้าอาวาสวัดทุ่งฮี และเผาวิหารที่กำลังก่อสร้าง ชาวบ้านจึงจัดหาเนื้อและเลือดสดมาสังเวย ตรงจุดที่พบรอยเท้า จากนั้นหญิงร่างทรงที่อ้างว่าเป็นเปรต ก็หยิบเนื้อและเลือดสดมากัดกิน ท่ามกลางสายตาชาวบ้าน
(5)
ทีมข่าวชั่วโมงสืบสวนเดินทางกลับมาจากลำปาง พร้อมกับคำถามคาใจ สรุปแล้วรอยเท้าปริศนานั้นเป็นของใครกัน นักวิทยาศาสตร์ อย่าง ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นรอยเท้านี้แล้วบอกว่าเป็นรอยเท้ามนุษย์อย่างแน่นอน สาเหตุที่ทำให้รอยเท้าใหญ่กว่าเท้าคนปกติเพียงเล็กน้อยอย่างที่นี้ เกิดจากดินที่อุ้มน้ำอยู่ เมื่อมีวัตถุกดทับ ก็ทำให้รอยขยายออก จากเนื้อดินที่มีความหมาดน้ำอยู่
ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เสียหายหากไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือเบียดเบียนผู้อื่น ก็นับว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่หากความเชื่อนั้นนำมาสู่การแสวงหาผลประโยชน์ เราก็ต้องรู้เท่าทัน ในกรณีรอยเท้าปริศนาก็เช่นกัน แม้จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จะยืนยันว่าเป็นรอยเท้ามนุษย์ แต่ชาวบ้านบางส่วนยังคงมีความเชื่อในสิ่งลี้ลับ หลังจากนี้คงต้องจับตาดูว่า เรื่องจะเงียบไป หรือมีการชักชวนบูชา มากขึ้นหรือไม่