ดีร้ายอย่างไร ก็ขาด "พี่ใหญ่" ไม่ได้
จะว่าไปแล้ว "บิ๊กป้อม" ตกอยู่ในวังวนความกังขาของสังคมมาตลอดในหลายๆกรณี แต่ทุกครั้ง "บิ๊กตู่" จะต้องออกมาปกป้องและอุ้มพี่ชายให้รอดพ้นจากตำบลกระสุนตก
นับแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พ่วงด้วย "พี่ชาย" อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ยามนี้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำลังเผชิญมรสุม "นาฬิกา" และ "แหวน" เพราะสังคมมีข้อคลางแคลงใจสงสัยและจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
จะว่าไปแล้ว "บิ๊กป้อม" ตกอยู่ในวังวนความกังขาของสังคมมาตลอดในหลายๆกรณี แต่ทุกครั้ง "บิ๊กตู่" จะต้องออกมาปกป้องและอุ้มพี่ชายให้รอดพ้นจากตำบลกระสุนตก
นอกจากความเป็นพี่เป็นน้องที่คลานตามกันมาจาก "บ้านทหารเสือ" กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ "บิ๊กป้อม" ยังมีความสำคัญอะไรอีกในการรักษาอำนาจ และการเป็นนายกฯของ "บิ๊กตู่"
คนที่ติดตามเส้นทางชีวิตราชการของกลุ่มพี่น้อง "บูรพาพยัคฆ์" มาอย่างต่อเนื่อง จะรู้ดีว่า พล.อ.ประวิตร มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนทหารอาชีพทั่วไป และแตกต่างจาก พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์
"บิ๊กป้อม" มีความเป็น "ทหารการเมือง" มาตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สมัยรัฐบาลทักษิณ
หลังจบนายร้อย จปร. "บิ๊กป้อม" ประจำการที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (บ้านทหารเสือ) ชลบุรี จนถึงปี 2523 เป็นรองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
ปี 2524 ย้ายมาอยู่แถวปราจีนบุรี และสระแก้วระหว่างนั้น"บิ๊กเหวียง" พล.อ.พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็นเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ทัั้งคู่จึงสนิทชิดเชื้อกันยิ่งนัก
เมื่อ "บิ๊กเหวียง" เป็นผู้บัญชาการทหารบก ก็ผลักดัน "น้องป้อม" เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และขยับเข้ามาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพน้อยที่ 1
ปี2547 "บิ๊กเหวียง" เป็นรัฐมนตรีกลาโหม "บิ๊กป้อม" ก็ได้นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก
จริงๆแล้ว พล.อ.ประวิตร เป็นคนมีบุคลิกผู้นำและมีมนุษยสัมพันธ์ดี จึงได้เป็นประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 6 (ทบ.) มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ "บิ๊กป้อม" ยังสานสัมพันธ์กับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และได้ก่อรูป "เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น" ซึ่งมีทั้งนักธุรกิจ และนักการเมืองมาอยู่ในกลุ่มนี้
ด้วยเหตุนี้ "บิ๊กป้อม" จึงคุ้นเคยกับนักการเมืองสาย ไม่เฉพาะสายพรรคไทยรักไทยเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงพรรคการเมืองอื่นๆ
ปลายปี 2551 พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ ใช้กองบัญชาการสำรอง ด้านหลังตึกบัญชาการของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ (ร.1 พัน 1 รอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต เป็นสถานที่จัดตั้ง รัฐบาลพลิกขั้ว ที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ในวันที่ไม่มีหัวโขนรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ก็ยังใช้บ้านพัก และที่ตั้งมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ภายในค่ายทหาร ร.1 รอ. เป็นที่ทำงาน และนัดพบเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ
ที่สำนักงานมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ได้แปรสภาพเป็นศูนย์รวม "กลุ่มเพื่อนประวิตร" ที่มิได้มีเพียงเพื่อนร่วมรุ่นจากเซ็นคาเบรียลเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงนักการเมือง และนักธุรกิจจากหลายกลุ่มก๊วน
รวมทั้งเครือข่าย "สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน" ที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และไพศาล พืชมงคล เป็นแกนหลัก ได้มีการเชื่อมต่อกับ "บิ๊กป้อม" มาแบบเงียบๆ จนหลังรัฐประหาร "สมคิด" จึงได้เป็นทีี่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ คสช.
มาวันนี้ "บิ๊กป้อม" ผลักดันให้ "สมคิด" รองนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด เนื่องจาก "พี่น้อง 3 ป." มีเดิมพันอำนาจในอนาคต
แม้จะมีเสียงวิจารณ์ พล.อ.ประวิตร มีจุดอ่อนอย่างไร? แต่พล.อ.ประยุทธ์ ก็รักและศรัทธาในตัวพี่ใหญ่ "ผู้มีแต่ให้" ในสายตาของน้องๆ นักรบบูรพา
เหนืออื่นใด "บิ๊กป้อม" คือจุดแข็งทางการเมืองของ คสช. หากไม่มี "พี่ใหญ่" คนนี้ ก็ไม่มีมือประสานสิบทิศที่ถนัด ทั้งเกมบนโต๊ะและใต้โต๊ะ