svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

กรุสมบัติ "บิ๊กป้อม" ยิ่งไม่เปิดเผย ยิ่งถูกขุดคุ้ย

14 ธันวาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรุสมบัติ "บิ๊กป้อม" ยังมี นาฬิกาเรือนล้าน อีกกี่เรือน ยิ่งไม่เปิดเผย ยิ่งถูกขุดคุ้ย : คอลัมน์ ขยายปมร้อน โดย ณัฐภัทร พรหมแก้ว

ผ่านไป1สัปดาห์ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือถึง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ทำเรื่องชี้แจงกรณีครอบครองนาฬิกาหรูยี่ห้อ Richard Mille และแหวนทองคำขาวพร้อมเพชรเม็ดเบิ้ม


ท่าทีล่าสุดของ "บิ๊กป้อม" ที่มาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยังคงใช้ไม้ตาย ด้วยการปฏิเสธตอบคำถามใดๆ ต่อผู้สื่อข่าว เหมือนช่วงเกิดเรื่องใหม่ๆ ที่ระบุว่าจะชี้แจงกับป.ป.ช.เอง เพราะไม่รู้จะชี้แจงกับสื่อทำไม เดี๋ยวก็ออกไปเรื่อย

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ การที่ "บิ๊กป้อม" พยามใช้ความนิ่งเงียบ หวังสยบความเคลื่อนไหว แต่อีกมุมหนึ่ง เมื่อที่มาของนาฬิกาและแหวนเพชรเจ้ากรรมยังไม่ชัดเจน มันย่อมเปิดโอกาสให้สังคมวิพากย์วิจารณ์กันยกใหญ่ ใหญ่ขนาดที่ว่า "บิ๊กป้อม" เองก็คงคาดไม่ถึง เมื่อคอลัมนิสต์บางคนอ้างอิงข้อมูลแหล่งข่าวใกล้ชิด บิ๊กป้อม ทำนองว่า "นาฬิกาเพื่อนนักธุรกิจให้ยืมมา ส่วนแหวนเพชรเป็นของแม่"


ผู้คนในโลกโซเชียลมีเดียต่างลับคมเขี้ยวรอขย้ำก้อนเนื้อชิ้นโตอันโอชะ แถมไม่วาย บรรดาสื่อหลักสื่อรอง ชาวบ้านล้านตลาด ต่างเกาะติดประเด็นร้อนของ "บิ๊กป้อม" อย่างไม่คลาดสายตา ว่าโอลด์โซเยอร์คนนี้ ส่งหนังสือชี้แจงป.ป.ช.แล้วหรือยังคำตอบคือยัง!!!

รอยยิ้มอ่อนๆ น้ำเสียงเรียบเฉย คือสิ่งที่นักข่าวได้รับหลังจากซักไซ้เรื่องนี้ ก่อนเจ้าตัวบอกแค่ว่า ยังไม่ได้ส่งคำชี้แจงถึงป.ป.ช. เพราะหนังสือที่ป.ป.ช.ส่งมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้อ่าน แถมเมื่อถูกถามว่า ข้อเท็จจริงที่มีการนำเสนอว่านาฬิกาเป็นของเพื่อน แหวนเป็นของแม่ นั้น โอลด์โซเยอร์ คนนี้ พูดสั้นๆ ว่า "ไม่รู้ ยังไม่รู้ ไม่ตอบ"

เอ้า!!! จะมาบอกไม่รู้ที่มาที่ไปได้อย่างไร ในเมื่อนาฬิกาและแหวนเรือนดังกล่าวสวมบนข้อมือและนิ้วท่าน แล้วก่อนหน้านี้ที่เคยบอกว่า ตัวเองมีแหวน 3-4 วง เป็นวงเดียวที่เคยใส่ นั้นหมายถึงอะไร เคยใส่ก็แปลว่ามีอยู่ก่อนแล้ว แต่ทำไมไม่ยื่นต่อป.ป.ช. หรือข้อเท็จจริงมันมีอะไรที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณชนได้หรือไม่

ในเมื่อหน่วยงานตรวจสอบทั้งภาคประชาสังคม ภาคส่วนหลัก หรือแม้แต่หน่วยงานของรัฐเองต่างพยายามยกระดับในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ เพื่อความโปร่งใส แต่ตัวรัฐมนตรีบิ๊กเบิ้มรายนี้กลับสวนทาง ไม่ใช่เฉพาะกรณีนาฬิกาหรูและแหวนเพชรครั้งนี้ ถ้าย้อนไปดูการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของ พล.อ.ประวิตร ต่อป.ป.ช. สมัยเข้ารับดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อ 22ธ.ค.51 ก็ไม่พบข้อมูลทรัพย์สินส่วนนี้เลยแม้แต่รายการเดียว

จนเมื่อพล.อ.ประวิตร พ้นตำแหน่งรมว.กลาโหมเมื่อ 10ส.ค.54 ไม่พบทรัพย์สินในส่วนนี้อีก และการยื่นบัญชีทรัพย์สินอีกครั้งเมื่อพ้นตำแหน่งครบ1ปีเมื่อ 9ส.ค.55 ก็ไม่ปรากฎอีกตามเคย

กระทั่งมีรัฐประหาร22พ.ค.57 พล.อ.ประวิตร รับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเมื่อ 4 ก.ย.57 ก็ยังไม่ปรากฎข้อมูลทรัพย์สิน เช่น นาฬิกา แหวนเพชร สร้อยคอทองคำ พระเครื่อง อาวุธปืน ของ พล.อ.ประวิตรเลย ต่างจากบรรดาครม.และสนช.สายทหาร ที่สะสม พระเครื่อง ปืน มากมายไว้ในกรุสมบัติ และมีการยื่นบัญชีต่อป.ป.ช.เมื่อเข้ารับตำแหน่ง

ส่วนในบัญชีทรัพย์สินของพล.อ.ประวิตร นั้น ว่างเปล่า !!! แต่ความจริงอาจไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนในบัญชี

หากสังเกตกันจริงๆ ตลอดการอยู่ในตำแหน่งรมว.กลาโหม ของพล.อ.ประวิตร เที่ยวนี้ จะเห็นว่าเจ้าตัวสวมสร้อยคอทองคำ เปลี่ยนนาฬิกาหลายเรือน รวมถึงเปลี่ยนแหวนบ่อยครั้ง ตามที่โซเชียลมีเดียรวบรวมมานำเสนอ ยังไม่นับรวมพระเครื่อง ที่เชื่อว่า นายทหารระดับนี้คงจะมีของดีห้อยคอไม่มากก็น้อย

เรื่องมันจึงย้อนกลับมาว่า แต่ทำไมในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นป.ป.ช. ไม่มีข้อมูลหรือร่องรอยทรัพย์สินเหล่านี้อยู่เลย

ไม่ใช่เรื่องผิด ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะครอบครองทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้ ถ้าสามารถชี้แจงที่มาที่ไปและเปิดเผยโดยการยื่นต่อป.ป.ช. ความชุลมุลที่เกิดขึ้นกับ "บิ๊กป้อม" ตลอดสัปดาห์ จนทำให้เจ้าตัวออกอาการเป๋ เป็นมวยเสียทรงแบบนี้ คงไปโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง ตามสมมติฐานที่ว่า ในเมื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่กลับไม่ยื่นต่อป.ป.ช. มันย่อมนำความยุ่งยากมาหาตัวทั้งแรงกดดันจากกระแสสังคม และกฎหมายบ้านเมือง อย่างเลี่ยงไม่ได้

หนำซ้ำ ในเมื่อเรื่องนี้ยังมีไม่ชัดเจน ว่าที่มาที่ไปทั้งนาฬิกาหรูและแหวนเพชรเม็ดเบิ้ม ของ "บิ๊กป้อม" มาได้อย่างไร ที่ผ่านมาดำเนินการถูกต้องหรือไม่ น้องเลิฟ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ก็ออกโรง กวนน้ำให้ขุ่นเข้าไปอีก เมื่อตอบคำถามนักข่าวถึงการให้กำลังใจกับ พล.อ.ประวิตรที่ตกเป็นเป้าโจมตีในขณะนี้ ว่า

"ผมไม่ต้องให้กำลังใจอะไร ท่านเข้มแข็งพอ พล.อ.ประวิตร เป็นทหาร สามารถดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ขอร้องสื่อให้ลดลาวาศอกกันบ้าง กฎหมายว่าอย่างไรก็ไปว่ากันตามขั้นตอน อย่าไปมองในทางที่แย่ทั้งหมด ไปดูข้อกฎหมายก่อน"

แทนที่ "บิ๊กตู่" จะไปบอก พี่ชายที่แสนดี ให้รีบเคลียร์ตัวเอง เพราะกระทบถึงภาพลักษณ์และความนิยมรัฐบาล ดันมีประโยชน์ที่ว่า "ขอร้องสื่อให้ลดลาวาศอกกันบ้าง" คนพูดกำลังหมายความว่าอย่างไร กำลังหมายความว่าให้สื่อหยุดหรือลดดีกรีการติดตาม ตรวจสอบ และตั้งคำถาม กับผู้ที่เข้ามามีอำนาจบริหารประโยชน์สาธารณะ ใช้งบฯ มหาศาลกับโครงการต่างๆ ทั้งที่ยังไม่เคลียร์ตัวเองแบบนั้นใช่หรือไม่

แล้วการที่ "บิ๊กตู่" เสียงเข้มตีโพยตีพายโบ้ยคนอื่นว่า "เพราะสื่อและหลายคนก็จ้องอยู่เช่นกัน เขาต้องการตีให้แตกออกจากผม ก็รู้อยู่ ผมเองก็แข็งแรงเยอะ ถ้ายิ่งไม่มีคนอยู่ด้วยก็จะยิ่งดุกว่าเดิม จะใช้อำนาจอย่างเต็มที่"

ถือเป็นการส่งสัญญาณข่มขู่ใครต่อใครที่กำลังเกาะติดเรื่องนี้อยู่ใช่หรือไม่ เอาเข้าจริงคงไม่มีใครจ้องตีให้ 2 พี่น้องแตกจากกันหรอกมีแต่ใครคนใดคนหนึ่ง ทำตัวเองจนพากันพังไปเอง เช่นที่กำลังเผชิญกันอยู่ในเวลานี้

การที่ "บิ๊กป้อม" ออกมาระบุก่อนหน้านี้ "ผมทำงานมา ผมไม่เคยมีเรื่องทุจริตอะไร" ถ้าเป็นจริงย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี ทว่าตอนนี้สังคมกำลังคลางแคลงใจ ไม่เฉพาะกับนาฬิกาและแหวนเพชรเรือนหรูอันร้อนแรงที่ถูกพูดถึงเท่านั้น ว่าได้แต่ใดมา ทำไมไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. และนอกเหนือจากนี้ ในคลังสมบัติ "บิ๊กป้อม" ยังมีนาฬิกาเรือนแสนเรือนล้านอีกกี่เรือนกันแน่ ยังไม่นับแหวน สร้อย พระเครื่อง ที่ไม่รู้ว่ามีอีกมากน้อยหรือไม่อย่างไร

ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะ "บิ๊กป้อม" เลือกเก็บเงียบ มันจึงยิ่งยุ่งเหยิง เลือกจะไม่เปิดเผย จึงยิ่งถูกขุดคุ้ย

logoline