svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

มติเฟด 7 ต่อ 2 ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50%

14 ธันวาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มติเฟด 7 ต่อ 2 ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ หนุนเจเน็ต เยลเลน ก้าวลงจากตำแหน่งราบรื่น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงต่ำสุดที่ 4% และเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% เตรียมส่งไม้ต่อให้กับเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานเฟดตนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ในเดือนภุมภาพันธ์ปี 2018


พร้อมเป้าหมายการปรับขึ้นดอกเบี้ยปีละ 3 ครั้งในปี 2018 และปี 2019 รวมทั้งจะเดินหน้าปรับลดภาระ QE ในงบดุลของเฟดวงเงิน 20,000 ล้านดอลลาร์เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2018 ขณะที่เจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดปัจจุบัน ได้แถลงข่าวย้ำการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยกเว้นแต่เงินเฟ้อจะเข้าสูเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินมีความเข้มข้นมากขึ้น

นอกจากนี้ เจเน็ต เยลเลน ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานะของสกุลเงิน Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรสูง และมีบทบาทน้อยมากต่อระบบการชำระหนี้ นอกจากนี้ Bitcoin ยังเป็นสกุลเงินที่ไม่มีเสถียรภาพ


1. คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติ 7 ต่อ 2 ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ซึ่งมีการออกแถลงการณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วันเมื่อวันที่ 12-13 ธันวาคม ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี ย้ำถึงเศรษฐกิจและตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยที่อัตราว่างงานจะปรับตัวลดลงถึงระดับต่ำที่ 4% ในปี 2018 ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีการขยายตัวปานกลาง และการขยายตัวด้านการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นในหลายไตรมาสที่ผ่านมา

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ละอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวลดลงในปีนี้ และยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% โดยคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวบ่งชี้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
คณะกรรมการ FOMC ยังคาดการณ์ว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเศรษฐกิจจะขยายตัวปานกลาง และภาวะในตลาดแรงงานจะยังคงมีความแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% ในระยะใกล้นี้ แต่ในระยะกลาง เงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% แต่หากเห็นว่า อัตราเงินเฟ้แมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น การดำเนินนโยบายก็จะมีความเข้มข้นมากขึ้นเช่นเดียวกัน


2. พร้อมกันนี้ เฟดมีเป้าหมายการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2018 และอีก 3 ครั้งในปี 2019 รวมทั้งจะเดินหน้าปรับลดภาระ QE ในงบดุลของเฟดวงเงิน 20,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเริ่มต้นดำเนินการในเดือนมกราคม

ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะขยายตัว 1.7% ในปี 2017 และขยายตัว 1.9% ในปี 2018 ซึ่งสะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อที่ซบเซานี้ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่คณะกรรมการ FOMC กำลังเผชิญอยู่ อย่างไรก็ตาม เจเน็ต เยลเลน เชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวซึ่งกดดันอัตราเงินเฟ้อให้อ่อนแรงลงในปีนี้ จะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว แต่ในระยะกลางแล้ว อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

อย่างไรก็ตาม เฟดได้ปรับคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้นที่ระดับ 3.063% ในปี 2020 สูงขึ้นจากที่เทียบกับการคาดการณ์เดิมในเดือนกันยายนที่ระดับ 2.875%


3. นอกจากนี้ เจเน็ต เยลเลน ที่เตรียมก้าวลงจากตำแหน่งประธานเฟด ด้วยการทิ้งทวนนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มคุมเข้มมากขึ้น โดยสามารถเบรกความร้อนแรงของตลาดการเงินในสหรัฐ พร้อมกับทิ้งโจทย์ความไม่แน่นอนในนโยบายการเงินให้กับประธานเฟดคนใหม่ ว่าจะดำเนินการในทิศทางเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่องหรือไม่

ถึงแม้ว่า เจอโรม พาวเวล ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในสมาชิกของเฟด และเป็นว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ เป็นหนึ่งในเจ็ดเสียงที่โหวตให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วย

4. เจเน็ต เยลเลน ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานะของสกุลเงิน Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรสูง และมีบทบาทน้อยมากต่อระบบการชำระหนี้ นอกจากนี้ Bitcoin ยังเป็นสกุลเงินที่ไม่มีเสถียรภาพ

ในขณะที่ราคา Bitcoin ที่เคยร้อนแรงมาต่อเนื่อง แต่หลังจากที่ขึ้นไปแตะจุสงสุดที่ 19,500 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,700% นับจากต้นปีนี้ สัญญาณราคา Bitcoin ได้ร่วงลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ Bitcoin Futures ที่ซื้อขายช่วงต้นสัปดาห์นี้ มีการเปิดตลาดวันแรกซื้อขายที่ 18,200 ดอลลาร์ ร่วงลงมาที่ 16,530 ดอลลาร์ล่าสุด ส่วนราคา Bitcoin Spot ร่วงลงที่ 16,280 ดอลลาร์

ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงยืนในแดนบวกเมื่อปิดตลาดวันพุธ หลังจากที่สะดุดทรุดตัวลง 2-3 นาทีในช่วงที่เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย แต่ดาวโจนส์ก็ปิดได้ที่ 24,585 เพิ่มขึ้น 80.63 จุด หรือ 0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,875 เพิ่มขึ้น 0.20% สวนทางดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,662 ลดลง 0.05%


5. ทางด้านธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรชนิดที่มีสัญญาขายคืน หรือ Reverse Repo ประเภท 7 วัน สู่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.45% และประเภท 28 วัน สู่ระดับ 2.8% จากระดับ 2.75% ในทันทีที่เฟดมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เมื่อวันพุธ

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโนบายระยะ 1 ปี สู่ระดับ 3.25% จากระดับ 3.20% เพื่อที่จะทำให้การบริหารจัดการภาวะทางการเงินและอัตราดอกเบี้ยระยะกลางให้เป็นไปอย่างสมดุล

logoline