น.ส.จิดาภา เปิดเผยว่า วันนี้เข้าพบ รรท.ผบช.น. เพื่อนำหลักฐานต่างๆ มามอบให้ เช่น วิดิโอจากกล้องวงจรปิด ภาพนิ่ง เอกสารใบรับรองแพทย์ ใบแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดคดี เนื่องจากเหตุการณ์นี้ผ่านมา 6 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งตนยังรู้สึกว่าทางตำรวจไม่อำนวยความสะดวกเท่าที่ควร ช่วงที่เกิดเหตุหลังนำตัวน้าสาวส่งโรงพยาบาล ตนได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจ สน.ยานนาวา แต่ตำรวจบอกว่าลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่ได้ ทั้งที่เหตุการณ์เพิ่งผ่านไป 2 ชั่วโมง จุดเกิดเหตุยังมีกองเลือด และมีพยานแวดล้อมอยู่ครบ นอกจากนี้ทางตำรวจเคยพูดกับตนว่า "หากเป็นพ่อของเด็กที่ขับรถชน ก็จะไม่ให้มาขอโทษครอบครัวตน" จึงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยตนได้โทรศัพท์ถามความคืบหน้ากับทางตำรวจเป็นระยะ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา บอกให้รอผลการตรวจพิสูจน์จากกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) แต่รอมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่สามารถออกหมายจับคนกระทำผิดได้
ก่อนหน้านี้ตนเป็นผู้หาหลักฐานเอง ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และชื่อ นามสกุลผู้กระทำผิด ผ่านเฟซบุ๊ก พบว่าผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์เป็นเยาวชน อายุ 16 ปี ขับรถซ้อน 3 ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ จากนั้นมีการเรียกมาไกล่เกลี่ยครั้งเดียว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ อีกทั้งครอบครัวของผู้กระทำผิดยังไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่น้าสาวตนต้องเข้ารับการรักษา ผ่าตัดเปิดกระโหลก ตอนนี้นอนไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถขยับตัวได้ มีอาการสมองช้ำ เยื่อหุ้มสมองขาด มีโรคแทรกซ้อน เสียค่ารักษาพยาบาลมากกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท ยังไม่รวมค่าดูแล ค่ายา อีกเดือนละหลายหมื่นบาท
พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย แต่ขอกลับไปดูรายละเอียด ตรวจสอบหลักฐานให้แน่ชัดก่อน เพราะคดีนี้เป็นคดีอุบัติเหตุ เบื้องต้นที่เห็นภาพจากวิดิโอ จุดเกิดเหตุเป็นทางร่วมทางแยก ตนจะให้ผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบว่ารถจักรยานยนต์ขับมาด้วยความเร็วเท่าใด และผู้ขับรถจักรยานระมัดระวังหรือไม่ และหากร้อยเวรรับเรื่องช้า ไม่อำนวยความสะดวกเรื่องสำนวน จะต้องถูกลงโทษด้านวินัยด้วย