svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังคงถูกปั๊มเข้าตลาดหุ้นสหรัฐนับจากเดือนก.ย.กว่า 66,400 ล้านดอลลาร์

05 ธันวาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐต่อเนื่อง นับจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นจำนวนมากกว่า 66,400 ล้านดอลลาร์ที่ถูกปั๊มเข้าไป นอกจากนี้นักวิเคราะห์ทางการการเงินจากวอร์ตัน สคูล คาดการณ์ว่าดาวโจนส์จะสามารถพุ่งขึ้นแตะที่ 25,000 ในไม่ช้า


อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในกลุ่ม FANG ส่งผลดัชนีราคาหุ้น Nasdaq ดิ่งลงกว่า 1% หลุดลงมาแตะ 6,775 ซึ่งสวนทางกับหุ้นดาวโจนส์ยังคงยืนในแดนบวกปิดที่ 24,290 เพิ่มขึ้น จุด หรือ 0.24% ขานรับวุฒิสภาโหวตผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่

ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังถูกกดดันอย่างหนักในเรื่องการสอบสวนความเป็นไปได้ที่ทีมหาเสียงของเขาอาจสมคบกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า เขาไม่เคยขอให้เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ยุติการสอบสวนไมเคิล ฟลินน์ ตามที่เจมส์ โคมีย์เคยให้การไว้


1. เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐต่อเนื่อง นับจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นจำนวนมากกว่า 66,400 ล้านดอลลาร์ที่ถูกปั๊มเข้าไปเป็นปริมาณมากนับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ประกอบกับแรงหนุนที่ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีผ่านการพิจาณาจากวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งจะมีผลใฟ้รัฐสูญเสียรายได้ถึง 1.4 ล้านล้านดอลาร์ในช่วง 10 ปี เพื่อแลกกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้จีดีพีสหรัฐสามารถขยายตัวในระดับ 3.5-4.0%

ขณะที่เจเรมีย์ ซิเกล ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากวอร์ตัน สคูล เชื่อว่า ดัชนีดาวโจนส์จะสามารถพุ่งขึ้นแตะระดับ 25,000 ในไม่ช้า โดยได้รับแรงหนุนจากการที่วุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี

ศาสตราจารย์เจเรมีย์ ซิเกล เคยทำนายการปรับตัวของดาวโจนส์ได้ในทิศทางที่ถูกต้องช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากการทำนายตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ดาวโจนส์จะสามารถผ่านระดับดัชนีที่ 20,000 รวมทั้งยังคาดการณ์อย่างถูกต้องเมื่อไม่นานมานี้ว่าดัชนีดาวโจนส์จะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 24,000 ซึ่งดาวโจนส์สามรถพุ่งผ่านจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดาวโจนส์ปิดที่ 24,290 เพิ่มขึ้น 58.46 จุด หรือ 0.24% นำโดยหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดนี้ นำโดยหุ้น Bank Of America ที่ปรับตัวขึ้นถึง 3.4% และหุ้นแบงก์ JPMorgan Chase ปรับตัวขึ้น 2.1%สวนทางดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,639.44 จุด ลดลง 0.11% เนื่องจากหุ้นเอทนา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกัน ปรับตัวลดลง 1.4% หลังซีวีเอส เฮลท์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ ประกาศซื้อกิจการบริษัทเอทนามูลค่า 69,000 ล้านดอลลาร์ด้วยเงินสดและหุ้น ส่วนหุ้นซีวีเอสปรับตัวลดลง 4.6%


2. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในกลุ่ม FABG ส่งผลดัชนีราคาหุ้น Nasdaq ดิ่งลงกว่า 1.05% หลุดลงมาแตะ 6,775 ทั้งนี้หุ้นในกลุ่ม FAANG ประกอบด้วย Facebook ปรับตัวลดลง 2.1% Apple ลดลง 0.7% Amazon ลดลง 2.4% Netflix ลดลง 1.5% และ Google ปรับตัวลดลง 1.3%

ทางด้านสัญญาณเทขายทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดลดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐโหวตผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี นอกจากนักลงทุนหันไปลงทุนเสี่ยงในตลาดหุ้น ส่งผลสัญญาทองคำตลาด COMEX ในนิวยอร์ก ลดลง 4.60 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,277.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันจันทร์


3. ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังถูกกดดันอย่างหนักในเรื่องการสอบสวนความเป็นไปได้ที่ทีมหาเสียงของเขาอาจสมคบกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า เขาไม่เคยขอให้เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยุติการสอบสวนไมเคิล ฟลินน์ ตามที่เจมส์ โคมีย์เคยให้การไว้

โดยที่ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรีพับลิกันคนดัง กล่าวในรายการ "เฟซ เดอะ เนชัน" ทาง CBS เมื่อวันอาทิตย์ถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทวิตว่า ไม่เคยขอให้เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ยุติการสอบสวนไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่เจมส์ โคมีย์ ให้การกับคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาเมื่อเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะการที่ผู้นำสหรัฐทวิตว่า การที่ต้องปลดไมเคิล ฟลินน์ เพราะเขาโกหกรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และ FBI ทั้งที่ประธนาคารธิบดีทรัมป์ควรรู้ว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนคดีอาญา

ขณะที่จอห์น ดาวด์ ทนายความของประธานาธิบดีทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับผิดว่า เป็นคนร่างทวิตเตอร์ดังกล่าวให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ จนทำให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่โต เพราะเขาได้เขียนข้อความทั้งหมดไว้ในบรรทัดเดียวกัน นอกจากนี้ เขายังชี้แจงว่า ประธานาธิบดีทรัมป์รู้ว่าไมเคิล ฟลินน์ โกหกต่อ FBI โดยไมเคิล ฟลินน์ สารภาพว่า โกหก FBI เรื่องที่แอบไปคุยกับเซอร์เก คิสลียาค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำวอชิงตันเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หรือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้าสู่ทำเนียบขาว


4. ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดผู้นำสหรัฐว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ไมเคิล ฟลินน์ ยังยอมรับว่าได้ให้การเท็จต่อ FBI เกี่ยวกับการพูดคุยกับเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ

ส่งผลให้ไมเคิล ฟลินน์ เป็นเจ้าหน้าที่คนแรกของทีมงานประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ถูกระบุว่ามีความผิดข้อหาพัวพันในคดีติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว


5. นอกจากนี้ การที่ศาลสูงสหรัฐตัดสินยกเลิกคำสั่งแบนหกขาติอาหรับเข้าสหรัฐซึ่งเป็นการลงนามในคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่ต้องเจอกับปัหาในการบริหารประเทศ

ทั้งนี้ คำสั่งแบนหกขาติอาหรับเข้าสู่สหรัฐเคยถูกแก้ไขมาแล้วสองครั้ง เพราะไม่ถูกต้องตามหลักรัฐธรรมนูญของสหรัฐ และยังถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ในเรื่องนี้ยังคงต้องต่อสู้ต่อไป เนื่องจากกฎหมายแต่ละรัฐในสหรัฐมีความแตกต่างกัน

logoline