svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

โพสต์FBสุดท้ายดร.สุรินทร์ "เราต้องผลักดันสนับสนุนคนรุ่นใหม่ เข้าไปเรียนรู้และต่อยอดจากคนเก่งๆทั่วโลก

30 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีต รมว.ต่างประเทศ และ อดีตเลขาธิการอาเซียน ได้ถึงแก่กรรม ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลรามคำแหง เมื่อบ่ายวันนี้ (30 พ.ย.) นับเป็นการสูญเสียนักการเมืองคนดีคนสำคัญของประเทศ สิริอายุ 68 ปี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง"สุรินทร์ พิศสุวรรณ"ถึงแก่กรรมแล้ว
ญาติ-นักการเมือง รับศพ "สุรินทร์ พิศสุวรรณ" 



ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เข้าสู่แวดวงการเมืองในปี 2529 โดยได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครศรีธรรมราช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรติดต่อกัน 7 สมัย เคยเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, เลขาธิการอาเซียน ฯลฯ

หลังหมดวาระจากตำแหน่ง เลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ ยังทำกิจกรรมทางสังคมหลากหลาย ช่วยเหลือสังคมในด้านวิชาการ บรรยาย นำเสนอความคิด แนวทาง ในการพัฒนาการเมือง พัฒนาเมือง ฯลฯ มาโดยตลอด

ที่ผ่านมา ดร.สุรินทร์ มีบทบาทอย่างสูงในการดำเนินนโยบายต่างประเทศไทย และเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนอาเซียนให้มีความก้าวหน้าและเป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญที่นานาประเทศให้การยอมรับในด้านความรู้ความสามารถ ท่านเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อการต่างประเทศไทยและเวทีระหว่างประเทศอย่างมาก

เรียกได้ว่า ดร.สุรินทร์ ยังมุ่งมั่นทำงานรับใช้สังคมตลอดเวลา ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ท่าจะมาเสียชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วน ด้วยอาการ อาการหัวใจวายเฉียบพลัน จนนำมาซึ่งความเศร้า เสียใจ ทั้งต่อครอบครัวและสังคมไทย และถือเป็นการสูญเสียบุคคลากรคนสำคัญของประเทศไปอีกคน

ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา 8.43 น. ดร.สุรินทร์ ยังได้โพสต์ ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว สุรินทร์ พิศสุวรรณ - Surin Pitsuwan @surinofficial บอกเล่าถึงการได้แลกเปลี่ยนความคิดกับคนรุ่นใหม่ (กลุ่ม HUBBA-TO) ในประเด็นการทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่ในโลกยุคใหม่


ซึ่งโพสต์นี้อาจถือเป็น โพสต์สุดท้ายใน เฟซบุ๊กของท่าน ที่แม้จะเป็นงานส่วนตัวแต่ก็มีมุมมองความคิดเห็นที่ดีต่อสังคมตลอดมา ทั้งนี้ ดร.สุรินทร์ ได้โพสต์ระบุว่า

"วานนี้ผมแวะไปเยี่ยม HUBBA-TO หรืออีกสาขาของ HUBBA ตรงอ่อนนุช ภายใต้การร่วมมือระหว่าง Sansiri กับ ผู้ก่อตั้ง HUBBA ของ 2 พี่น้อง ชาลและอมฤต(เอม) เจริญพันธ์ ผมเองมีความพูกพันกับชาลและเอม ผ่านทางลูกชายคนโตซึ่งเป็นเพื่อนกับทั้งสองตั้งแต่มัธยมมาเกือบ 20 ปีแล้ว ลูกชายผมเล่าให้ฟังถึง HUBBA อยู่บ่อยๆ และวันนี้รู้สึกยินดีที่ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทีมงานของ HUBBA


Start Up และคนรุ่นใหม่ แทบไม่มีใครไม่รู้จัก HUBBA เพราะถือได้ว่าเป็น Co-Working Space แห่งแรกของไทยที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ชาลและเอมก่อตั้ง HUBBA จากแรงบัลดาลใจที่อยากจะทำ ประกอบกับเห็นความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากทำงานที่ไหนก็ได้ และที่สำคัญอยากทำธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่เติบโตไปทั่วโลก


HUBBA มองเห็นจุดนี้และให้ HUBBA เป็นที่เชื่อมคนที่มีความรู้มาช่วยเหลือกันและกัน ก่อให้เกิดเป็น Community ที่มีศักยภาพและกำลังผลักดันเศรษฐกิจไทยเพื่อตอบรับโลกดิจิตอลอย่างแท้จริง


จากข้อมูลที่ HUBBA นำเสนอว่า เดือน พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมากรุงเทพฯได้รับการจัดอันดับ 1 เมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับคนที่ทำงานอิสระ (Digital Nomad) จากทั่วโลก และยังมีอีกหลายจังหวัดติดอันดับต้นๆของโลก อาทิ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต


จากข้อมูลนี้เอง ภาครัฐควรเร่งส่งเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้คนจากทั่วโลกมาประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น รักษาอันดับ 1 ให้ได้นานที่สุด แต่ที่สำคัญเราต้องผลักดันสนับสนุนคนรุ่นใหม่ของไทยเข้าไปเรียนรู้และต่อยอดจากคนเก่งๆ ทั่วโลกที่อยากจะมาทำงานที่ประเทศไทย


ผมคิดว่าหากเรามีชุมชน Co-Working Space ของเราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน Asia เป็นพื้นที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก มีที่พักกับการเดินทางที่สะดวก และมีการจัดให้มีสัมมนาทุกสัปดาห์ จะทำให้เราสามารถดึงกลุ่ม Digital Nomad นี้มาทำงานในเมืองไทยมากขึ้น


และผลพลอยได้จากชุมชน Co-Working Space อันครึกครื้นก็คือเราจะสามารถสร้างโอกาสให้คนไทยเข้าไปมีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนความรู้ ร่วมสร้างธุรกิจที่มีเป้าหมายระดับโลก Start Up เมืองไทยเราควรจะไปได้ไกลและเร็วกว่าเดิมครับ

ขอบคุณทีมงาน HUBBA ครับ"

ขอบคุณเฟซบุ๊ก สุรินทร์ พิศสุวรรณ - Surin Pitsuwan @surinofficial

โพสต์FBสุดท้ายดร.สุรินทร์
"เราต้องผลักดันสนับสนุนคนรุ่นใหม่
เข้าไปเรียนรู้และต่อยอดจากคนเก่งๆทั่วโลก

logoline