svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นเมืองมังกรผงาดเหนือพญาอินทรี! เบียดแซงโค้งสุดท้ายในปีนี้

23 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อตลาดหุ้นเมืองมังกรผงาดเหนือพญาอินทรี!... กับสิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายได้ด้วยการเบียดแซงโค้งสุดท้ายในปีนี้ เมื่อ 3 ตลาดหุุ้นหลักของจีนที่ประกอบด้วยตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้-เสิ่นเจิ้น-หั่งเส็ง สร้างผลตอบแทนการลงทุนใหักับนักลงทุนอย่างโดดเด่นสูงถึง 28% ในปี 2017 นี้ และยังท้าทาย 3 ตลาดหุ้นหลักของสหรัฐอย่างไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี นำโดย S&P500 ซึ่งเเป็นตลาดใหญ่ที่สุดให้ผลตอบแทนการลงทุนดีที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นของสหรัฐอยู่ที่ 16% นับตั้งแต่ต้นปีมานี้

โดยเฉพาะการพุ่งขึ้นของดัชนีหั่งเส็งฮ่องกงสู่เหนือระดับ 30,003 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เนื่องจากเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างชาติ รวมถึงเม็ดเงินที่โยกเข้าจากแผ่นดินใหญ่ของจีนอย่างต่อเนื่อง

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ตลาดต้องเซอร์ไพรส์กับคำพูดของผู้ว่าการ BOJ ว่าจะมีการลดระดับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่ BOJ คาดการณ์ เตรียมปรับขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นสู่ระดับ 1% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0% ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการในไตรมาสแรกปี 2018


1. ตลาดหุ้นเมืองมังกรผงาดเหนือพญาอินทรี! สามารถเบียดแซงโค้งสุดท้ายในปีนี้ เมื่อ 3 ตลาดหุุ้นหลักของจีนที่ประกอบด้วยตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้-เสิ่นเจิ้น-หั่งเส็ง สร้างผลตอบแทนการลงทุนใหักับนักลงทุนอย่างโดดเด่นสูงถึง 28% ในปี 2017 นี้

และยังท้าทาย 3 ตลาดหุ้นหลักของสหรัฐทั้ง S&P500-Nasdaq-Dowjones อย่างไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี นำโดย S&P500 ซึ่งเเป็นตลาดใหญ่ที่สุดให้ผลตอบแทนการลงทุนดีที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นของสหรัฐอยู่ที่ 16% นับตั้งแต่ต้นปีมานี้ ขณะที่ Nasdaq-Dowjones ก็ยังสร้างสถิตินิวไฮอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ MXAP ซึ่งเป็น MSCI Asia Pacific Index ซึ่งถูกถ่วงน้ำหนักด้วยหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ของจีนให้ผลติบแทนที่ก้าวกระโดด จากระดับดัชนี 135.07 เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2017 มาอยู่ที่ระดับ 171.59 ในวันที่ 22 พ.ย.,2017 เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 28% ปต่หากเป็นการวัดผลการลงทุนในระยะ 1 ปีเพิ่มขึ้นถึง 30% โดยเฉพาะหุ้น Alibaba ที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์



2. การพุ่งขึ้นของดัชนีหั่งเส็งฮ่องกงสู่เหนือระดับ 30,003 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เนื่องจากเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างชาติ รวมถึงเม็ดเงินที่โยกเข้าจากแผ่นดินใหญ่ของจีนอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นอีกจุดโฟกัสที่ร้อนแรง โดยมีการคาดการณ์กันว่า ดัชนีหั่งเส็งจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 32,000 ในปี 2018
หากว่าเม็ดเงินลงทุนยังคงไหลเข้าจากแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ธนาครกลางจีนยังคงใช้นโยบายอัดฉีดเงินเสริมสภาพคล่องให้กับคลาดการเงินในประเทศ รวมทั้งเพื่อสร้างดสถียรภาพกับตลาดหุ้นของจีนทั้งตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น พร้อมกับสนับสนุนให้มีเม็ดเงินไหลเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง เพื่อให้ตลาดหุ้นทั้ง 3 ตลาดหลักมีสภาพคล่องเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาคิให้มากขึ้น


3. ขณะที่ Bank Of America (BofA) คาคการณ์ผลตอบแทนการลงทุนจะอยุ่ในระดับสูงในปี 2017 นี้ โดยที่หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงถึง 16.8% เทียบกับผลตอบแทนการลงทุนช่วงปี 2009-2016 ที่ระดับ 14.9% และช่วงก่อนเปิดวิกฤติซับไพรม์ระหว่างปี 1926-2008 ที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ 11.7%

สำหรับการถือบอนด์ระยะยาวของบริษัทเอกชนให้ผลตอบแทนที่ 8.3% เทียบกับผลตอบแทนการลงทุนช่วงปี 2009-2016 ที่ระดับ 7.6% และช่วงก่อนเปิดวิกฤติซับไพรม์ระหว่างปี 1926-2008 ที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ 6.1% ส่วนการลงทุนในตั๋วเงินคลังรัฐบาลสหรัฐให้ผลตอบแทน 0.6% เทียบกับผลตอบแทนการลงทุนช่วงปี 2009-2016 ที่ระดับ 0.1% และช่วงก่อนเปิดวิกฤติซับไพรม์ระหว่างปี 1926-2008 ที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ 3.1%



4. ตลาดต้องเซอร์ไพรส์กับคำพูดของฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต่อการดำเนินนโยบายการเงินของ BOJ ว่าจะมีการลดระดับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่ BOJ คาดการณ์ เตรียมปรับขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นสู่ระดับ 1% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0% ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการในไตรมาสแรกปี 2018

ทั้งที่ ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ซึ่งกำลังจะครบเทอมในตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ ในเดือนเมษายนปีหน้า ได้เคยกล่าวไว้ก่อนที่ญี่ปุ่นจะมีการเลือกตั้ง โดยที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จะได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ว่า BOJ ยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการสร้างเสถียรภาพด้านราคาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าในขณะนี้ BOJ ยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% แต่จะยังไม่ถอนมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงรุกในเร็วๆ นี้ หรือจนกว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้น



5. BOJ ยังคงการผลักดันนโยบายผ่อนคลายการเงินของ BOJ ต่อไป หลังจากที่ได้ประกาศเลื่อนกำหนดเวลาบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ไปเป็นภายในเดือนมีนาคม 2019 เนื่องจากล้มเหลวที่จะให้บรรลุเป้าหมายโดยที่เงินเฟ้อในปีงบประมาณ 2017 ที่ผ่านมาอยู่ในอัตราที่ติดลบ 0.3-0.1% นอกจากนี้ BOJ ได้ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อในปีงบประมาณ 2018 ที่ 0.6-1.6% และปีงบประมาณ 2019 ที่ 0.9-1.9%

นอกจากนี้ BOJ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดลบ 0.1% เพราะความต้องการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไป รวมทั้งไม่ปรับเปลี่ยนแปลงโครงการซื้อทรัพย์สิน 80 ล้านล้านเยนต่อปี ถึงแม้ว่า BOJ จะหันยกเลิกมาตรการประกันผลตอบแทนพันธบัตรที่ระดับ 0% แทนที่จะต้องติดลบตามอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับติดลบ โดยจะยอมปล่อยให้อัตราผลคอบแทรพันธบัตรเป็นบวกในต้นปีหน้า

logoline