เจเน็ต เยลเลน ยื่นใบลาออกจากสมาชิกคณะผู้ว่าการของเฟดแล้ว

ขณะที่ทรัมป์สั่งขึ้นบัญชีดำเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี หลังจากที่สหรัฐได้ร่วมมือกับชาติอื่นๆ ยกระดับการกดดันเกาหลีเหนือ เพื่อบีบให้ยุติโครงการทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์

ส่วนแองเกลา เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า พร้อมจะเป็นผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่ต้องล้มเหลวกับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

1. เจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่า จะลงจากตำแหน่งทันทีที่เจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ที่มาจากการเสนอชื่อของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง จากแถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดเปิดเผยว่า เจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกคณะผู้ว่าการของเฟดแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ วาระในการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของเจเน็ต เยลเลน จะสิ้นสุดลงในเดือนก.พ. 2018 ส่วนวาระในการดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดของนางเยลเลนนั้น จะสิ้นสุดในเดือนม.ค. 2024 หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อปี 2014

นอกจากนี้ เจเน็ต เยลเลน ได้ระบุไว้ในจดหมายลาออกว่า ในระหว่างที่เตรียมตัวลาออกจากคณะผู้ว่าการเฟดนั้น เธอมีความรู้สึกพอใจกับระบบการเงินที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยที่มีภูมิต้านทานต่อความไม่แน่นอนในอนาคต แต่ก็ยังสามารถช่วยผลักดันเศรษฐกิจในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยมั่นใจว่า เจอโรม พาวเวล จะทุ่มเทให้กับภารกิจต่างๆ ในฐานะประธานเฟดคนต่อไป ซึ่งเธอจะทำให้การส่งต่ออำนาจเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กของประธานเฟดในวันนี้ ต่อประเด็นการประเมินทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย ศึ่งคลาดนยังคงคาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบาย (FOMC) ของเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้


2. ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และเชื่อว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้

แต่นักลงทุนยังคงจับตาดูว่าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐจะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาได้หรือไม่ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้มีมติ 227 ต่อ 205ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และได้ส่งต่อให้กับวุฒิสภาพิจารณาต่อไป ซึ่งการโหวตของวุฒิสภาเต็มคณะจะจัดขึ้นหลังผ่านพ้นเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าในปีนี้ที่ตรงกับวันที่ 23 พ.ย. ไปแล้ว

โดยเป็นที่คาดการณ์ว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันฉบับนี้ เนื่องจากวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้สร้างเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีดังกล่าว ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี



3. สหรัฐขึ้นบัญชีดำเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี หลังจากที่ทรัมป์ได้ร่วมมือกับชาติอื่นๆ ยกระดับการกดดันเกาหลีเหนือ เพื่อบีบให้เกาหลีเหนือยุติโครงการทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์

โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศว่า สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย โดยจะยกระดับการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้สูงขึ้น รวมถึงลงโทษเกาหลีเหนือและบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับจะสนับสนุนให้มีการยกระดับการกดดันขึ้นสู่ขั้นสูงสุด เพื่อทำให้เกาหลีเหนือเป็นรัฐโดดเดี่ยว

ประธานาธิบดีมรัมป์ย้ำอีกว่า นอกจากเกาหลีเหนือจะข่มขู่ประชาคมโลกด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์แล้ว ยังได้สนับสนุนการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการลอบสังหารในต่างแดนในกรณีการลอบสังหารคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของคิม จองอึน ด้วยการวางยาพิษที่กัวลาลัมเปอร์เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา


4. ส่วนทางด้านหน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ให้มีพิสัยไกลถึงสหรัฐได้ในปีนี้ โดยเว็บ 38 North ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกาะติดการเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือ ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณอู่ต่อเรือซินโปใต้ของเกาหลีเหนือ อาจกำลังพัฒนาเรือดำน้ำติดขีปนาวุธที่จะเข้าประจำการจริงลำแรกของประเทศ

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมานี้ ผู้สังเกตการณ์ได้ตรวจพบกิจกรรมการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนและอะไหล่ เข้าและออกจากโรงเก็บอะไหล่ที่อยู่ติดกับโรงงานก่อสร้างในพื้นที่อู่ต่อเรืออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รายงาข่าวเปิดเผยว่า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ที่บ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือเตรียมที่จะทดสอบยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำในเร็วๆ นี้


5. แองเกลา เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า พร้อมจะเป็นผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น หลังจากที่ต้องล้มเหลวกับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเธแจะชนะการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมาก็ตามที

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งใหม่เนื่องจากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จนั้น เป็นสิ่งที่ไม้เคยเกิดขึ้นกับเยอรมนีนับตั้งแต่หลังสงครามโลกเป็นต้นมา แต่กฎหมายของเยอรมนีก็ระบุว่า หากพรรคการเมืองต่างๆ ไม่สามารถเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ก็จะต้องมีการยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่