svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

พื้นที่รอยต่อสามแม่น้ำวิกฤตหลังชาวบ้านพบปลาลอยตายเกลื่อน

20 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ฉะเชิงเทรา - พื้นที่รอยต่อสามแม่น้ำเชื่อมสามจังหวัดวิกฤตหนัก หลังชาวบ้านพบปลาลอยตายเกลื่อนลำน้ำ ชาวบ้านเชื่อเป็นน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมทางตอนบน แต่ยังคงพากันแห่จับปลาเอาไปบริโภคและขายต่อ ขณะประมงพื้นที่แจงอ้างยังไม่เคยตรวจพบสารโลหะหนักปนเปื้อนมาในน้ำ ระบุแค่คุณภาพน้ำมีค่าออกซิเจนต่ำเท่านั้น

วันที่ 20 พ.ย.60 เวลา 15.30 น. นายชูเกียรติ อังคสิงห์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.3 ต.คลองเขื่อน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้น้ำในลำน้ำบางปะกงมีสภาพเน่าเสีย ลักษณะเป็นสีน้ำตาลแดงปนดำ และมีปลาจำนวนมากลอยตายเกลื่อนไหลผ่านตามลำน้ำไป โดยจะพบเห็นได้เป็นจำนวนมาก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงของปลายฤดูฝนระหว่างช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ต่อเนื่องมานานถึง 5-6 ปี แล้ว หลังจากที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมาตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งต้นน้ำทางตอนบนของพื้นที่ 

โดยชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นน้ำเสียที่ถูกแอบปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าว ลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรี ที่อยู่ทางตอนบน เนื่องจากตรงบริเวณลุ่มน้ำบางปะกงตอนกลางนี้ เป็นจุดที่มีแม่น้ำสามสาย (แม่น้ำปราจีนบุรี แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำบางปะกง) ไหลลงมารวมบรรจบกันในพื้นที่ ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นรอยต่อกันระหว่างพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี

"ลักษณะสภาพของน้ำที่สังเกตเห็น จะพบว่ามีปลาชนิดต่างๆ ลอยตัวอยู่เต็มผิวน้ำใกล้กับชายตลิ่งเพื่อหายใจ จึงเชื่อว่าคุณภาพน้ำน่าจะมีค่าออกซิเจนต่ำ จนมีชาวบ้านที่มีอาชีพหาปลาขาย ได้ออกมาไล่จับปลาและกุ้งแม่น้ำ ที่ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำดังกล่าว เพื่อนำเอาไปขายต่อ และมีบางส่วนนำไปบริโภคด้วย" นายชูเกียรติ กล่าว

ขณะที่ นายจำเนียร บุญชื่น อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 ม.2 ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.บางแตน ซึ่งอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามกับ ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า น้ำที่กำลังเน่าเสียอยู่ในลำน้ำบางปะกงขณะนี้นั้น ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากลำคลองสารภี ซึ่งอยู่ทางตอนบนของลำน้ำ ซึ่งมีทั้งพื้นที่ทางการเกษตรคือนาข้าว ซึ่งเป็นนาปี และโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ใกล้กับลำคลองอยู่จำนวน 2 แห่ง ชาวบ้านจึงยังไม่ทราบว่าแหล่งที่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียนั้นมาจากจุดใด

แต่เมื่อน้ำจากคลองดังกล่าวไหลลงมาสู่แม่น้ำบางปะกงแล้ว ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสัตว์น้ำขึ้นมาในทุกๆ ปี ทั้งปลาธรรมชาติที่อยู่ในน้ำและปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้ในกระชัง ต่างได้รับผลกระทบ และลอยตายขึ้นสู่ผิวน้ำเป็นจำนวนมาก โดยมีปลาทับทิมในกระชังของชาวบ้านลอยตาย และปลาเนื้ออ่อน ปลากะพง ปลาม้า ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ไม่เว้นแม้แต่ปลาลิ้นหมาที่มีความทนทานสูงและหากินอยู่ที่หน้าผิวดินใต้น้ำก็ยังลอยขึ้นมา และในบางปียังมีปลากระเบนราหูซึ่งมีน้ำหนักนับ 100 กก. ลอยขึ้นมาสู่ผิวน้ำด้วยหลายสิบตัว

ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านเป็นจำนวนมากนั้น ต่างได้พากันมาเก็บจับปลาที่ตาย หรือที่กำลังลอยอยู่บนผิวน้ำนำกลับไปปรุงอาหารบริโภค และส่งขายต่ออีกด้วย ซึ่งยังไม่ทราบว่าปลาที่ตายอยู่ในแม่น้ำนั้นมีสารเคมีอะไรปนเปื้อนมาหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่พบว่ามีใครป่วยเป็นอะไร จากการบริโภคปลาที่กำลังลอยตายในน้ำ โดยมีเพียงแค่อาการท้องเสียในบางรายเท่านั้น เนื่องจากเคยเก็บนำเอาปลาไปบริโภคกันมานานนับ 10 ปีแล้ว ที่เกิดปัญหาภาวะน้ำเสีย หรือน้ำขาดออกซิเจนจนปลาตายแบบนี้

สำหรับปรากฏการณ์น้ำเน่าปลาตายแบบนี้ มักจะเกิดขึ้นตรงกันในทุกๆ ปี คือ ในช่วงของวันที่ 10 พ.ย. โดยที่ผ่านมาหลังจากมีหน่วยงานทางราชการเข้ามาตรวจสอบคุณภาพน้ำเมื่อปีก่อนๆ แล้ว กลับได้รับคำตอบว่า เป็นน้ำที่เสียมาจากนาข้าว ที่ชาวนาเปิดระบายน้ำออกจากแปลงนาข้าวเพื่อเก็บเกี่ยวข้าวนาปี โดยระบุว่าชาวนานั้นใช้สารเคมีเกิน แต่เราก็ไม่ทราบว่าทางราชการนั้นเขาวัดด้วยอะไร จึงระบุผลออกมาแบบนั้น เพราะไม่ได้มีการแจ้งหรือชี้แจงให้ชาวบ้านทราบ ว่าเป็นสารเคมีชนิดใดที่ปนเปื้อนมากับน้ำ 

ด้านนายบุญส่ง ศิริมา หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเดินทางลงพื้นที่มาตรวจวัดค่าออกซิเจนในน้ำ ในบริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่างสามแม่น้ำพอดี กล่าวว่า น้ำในบริเวณนี้มีค่าดีโอ (ออกซิเจนละลายในน้ำต่อลิตร) อยู่ที่ 0.2-0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งมีสภาพค่อนข้างแย่ แต่มวลของน้ำยังอยู่ในสภาวะสลับกัน โดยในบางจุดนั้นยังสามารถวัดค่าได้สูงถึง 2.3 มิลลิกรัม/ลิตร ซึ่งค่าปกติของออกซิเจนละลายในน้ำที่สัตว์น้ำจะสามารถอยู่ได้นั้น ค่าจะอยู่ที่ 3.0 มก./ลิตร และหากต่ำกว่า 1.5 ลงมานั้นถือว่าเข้าขั้นวิกฤตแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ค่าออกซิเจนในน้ำต่ำลงนั้น เชื่อว่าเกิดจากการเปิดประตูระบายน้ำออกมาจากคลองสารภี ในพื้นที่ทางตอนบน ซึ่งหากไม่เปิดระบายน้ำลงมาจะทำให้พื้นที่นาข้าวจำนวนกว่า 2 หมื่นไร่นั้น ไม่สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ หลังจากเปิดประตูระบายน้ำออกมาแล้วจึงทำให้ดินตะกอนที่ถูกดักเอาไว้ที่ด้านหลังประตูระบายน้ำ และเกิดการเน่าเสียได้ถูกระบายออกมาพร้อมกันกับน้ำในคลองด้วย

ที่ผ่านมาเคยเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำส่งไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนในน้ำแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่พบว่ามีสารเคมีปนเปื้อนอยู่ในน้ำ ทั้งจากการตรวจหาในดินตะกอน จากการตรวจหาในน้ำ และในสัตว์น้ำ ก็ยังไม่พบว่ามีสารเคมีหรือสารโลหะหนักปนเปื้อนอยู่ ปัญหาหลักที่ทำให้เกิดภาวะน้ำขาดออกซิเจนจึงน่าจะเกิดจากดินตะกอนในน้ำที่ถูกกักเอาไว้จนเน่าเสีย และถูกปล่อยระบายออกมาลงสู่ลำน้ำบางปะกง

ส่วนสารเคมีจากยาฆ่าแมลงปนเปื้อนในน้ำนั้น มีการตรวจพบบ้าง แต่ถือว่าเป็นส่วนน้อยมาก ที่ผ่านมาก็ได้มีการทำใบปลิวและแผ่นพับแจกจ่ายชี้แจงต่อชาวบ้านและเกษตรกร ตลอดจนชุมชนริมลำน้ำถึงสาเหตุของการเกิดภาวะน้ำขาดออกซิเจนไปแล้ว แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่เข้าใจและมองว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากโรงงานอุตสาหกรรมทางตอนบนที่ปล่อยน้ำเสียออกมา ส่วนชาวบ้านที่เข้าใจแล้วก็เชื่อว่าสาเหตุนั้นมาจากดินตะกอนทับถมถูกกักอยู่ไว้นานจนเน่าเสียถูกปล่อยระบายออกมาพร้อมน้ำในคลอง

สำหรับแนวทางแก้ไข ที่จะไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาแบบซ้ำซากนั้น แนวทางแรกคือ ทางชลประทานได้มีการปรับบานประตูออกเป็น 2 บาน แนวทางที่สองคือการค่อยๆ ปล่อยระบายน้ำออกมาไม่ให้ระบายน้ำออกมาจากลำคลองสารภีเร็วหรือแรงจนเกินไป เพราะจะทำให้ดินตะกอนที่ทับถมหมักไว้นานเน่าเสียถูกปล่อยระบายออกมาพร้อมกัน และสามคือการใช้น้ำหมักจุลลินทรีมาช่วยปรับสภาพน้ำ และแนวทางที่สี่คือให้ทางชุมชนที่อยู่ริมน้ำนั้นช่วยกันดูแล

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่า กรณีที่มีชาวบ้านพากันมาเก็บเอาปลาที่ลอยตายในลำน้ำบางปะกง นำไปบริโภคนั้น จะได้รับอันตรายหรือมีผลกระทบอย่างไรหรือไม่ นายบุญส่ง ตอบว่า ไม่มีผลกระทบอะไรเนื่องจากสัตว์น้ำที่ลอยตายอยู่นั้น มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจน หรือขาดอากาศหายใจตาย

logoline