ผมลงพื้นที่ ดู สถานการณ์น้ำท่วม อ.บางบาล เมื่อวันที่ 8 พฤจิกายน 2560 น้ำค่อยๆลด แต่พื้นที่ริมตลิ่งยังท่วมสูง 1 เมตร ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบบอกว่า ต้องจมอยู่กับน้ำเป็น 5 เดือน ไร้การเหลียวแลจากภาครัฐ
ผมกลับมาที่นี่ หลังรู้ข่าวว่ากรมชลประทาน เริ่มระบายน้ำออกจากทุ่งตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พบว่าวันนี้น้ำลดไป 50 เซนติเมตร และกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ น้ำแห้สนิท ก็น่าราวกลางเดือน ธันวาคม ชาวบ้านตำบลบางชะนี บอกว่าตลอดระยะเวลาห้าเดือนที่จมอยู่กับน้ำท่วมสูง แทบไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือรวมถึงยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รับค่าชดเชยหรือไม่ ขณะที่ตอนนี้ ต้องอาศัยเงินจากเบี้ยผู้สูงอายุไปก่อน ส่วนความเสียหายจากน้ำท่วมเช่นสังกะสีผุฝาบ้านพังยังไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาซ่อมแซม เพราะชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย
ตลอดทางของถนนทางหลวงชนบทสาย 4038 บางบาล-ป่าโมก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เพิ่งเสริมความสูงมาไม่กี่ปีมานี้ กลายเป็นที่ตั้งของเต็นท์ ที่ชาวบ้านแต่ละชุมชนใช้เป็นจุดจอดมอเตอร์ไซค์ ขายของชำ ขายอาหาร วางสุ่มไก่
เราหยุดพูดคุยกับชาวบ้านตำบลไทรน้อย พวกเขาบอกว่าล่าสุด กำนันและผู้ใหญ่บ้านแจ้งให้ลูกบ้านถ่ายภาพบ้านที่ถูกน้ำท่วมรวบรวมส่งไปยังเทศบาลเพื่อที่จะพิจารณาให้ค่าชดเชยในภายหลังแต่ได้เท่าไหร่นั้นยังไม่ทราบ
ล่าสุดจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ นายกอร์ปศักดิ์ ภูตระกูลรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีบอกว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือพื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดครัวเรือนละ 3000 บาท เอาเฉพาะที่ โครงการปรับเปลี่ยนระบบผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่มรวมถึงทุ่งบางบาลด้วย เบื้องต้น จะใช้วงเงินในการช่วยเหลือ 127,000,000 บาทมีเกษตรกรที่รับความช่วยเหลือ 68,000 ราย
ตามปกติแล้วพื้นที่อำเภอบางบาล ซึ่งติดแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่าถูกน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีแต่ปีนี้ท่วมผิดปกติ ผิดธรรมชาติเพราะท่วมแล้วก็ลงแล้วก็ท่วมซ้ำ ถึงห้ารอบซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการน้ำที่อั้นไว้ในทุ่งแห่งนี้ ชาวบ้านที่นี่บอกว่ายังมีพื้นที่อื่น เหลือมากพอที่จะกระจายไปทั่วถึง ไม่มาอั้นอยู่ที่ทุ่งบางบาล
ในยุครัฐบาลคสช. เมื่อพูดถึงทุ่งบางบาล ถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่รับน้ำบ้าง หรือไม่ก็เรียกว่าเป็นพื้นที่แก้มลิงบ้างโดยที่ชาวบ้านไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นอะไรกันแน่ แล้วต้องเป็นผู้เสียสละแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือไม่
คำขอบคุณจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ที่มีให้กับชาวบางบาล ซึ่งต้องยอมจำนน รับสภาพ อยู่ในพื้นที่รับน้ำเป็นสิ่งที่ชาวบ้านไม่ต้องการ มากไปกว่าความช่วยเหลือที่เป็นธรรม ...แต่ถ้าเลือกได้ "ค่าชดเชย" ต่างๆก็คงไม่คุ้มกับการที่ต้อง "แช่อยู่ในน้ำนานถึงห้าเดือน"
มาจนถึงนาทีนี้ชาวบางบาล เริ่มตั้งคำถามกับสถานะ "ผู้เสียสละ" ว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่จะต้องเป็น "ผู้เสียสละ" แบบนี้ไปตลอดชีวิต
ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 พื้นที่ลุ่มต่ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง 13 ทุ่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 1,821 ล้านลูกบาศก์เมตร กรมชลประทาน ได้วางแผนทยอยระบายน้ำออกจากทุ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ไปจนถึงต้นเดือนมกราคม 2561 โดยเริ่มจากทุ่งบางระกำ(ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน) เป็นลำดับแรก เพื่อให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งให้ทันเวลาตามแผนที่วางไว้ และเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้สร้างการรับรู้กับราษฎรในพื้นที่ของแต่ละทุ่งด้วย
สำหรับการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน นั้น ขอเรียนชี้แจงว่า ในการบริหารจัดการน้ำในทุ่งบางบาล นั้น ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ที่มีหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมอุทกศาสตร์(กองทัพเรือ) สำนักการระบายน้ำ(กรุงเทพมหานคร) กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กรมโยธาธิการและผังเมือง และ Gisda เป็นต้น ที่ได้ร่วมกันประเมินสถานการณ์น้ำ และวางแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสภาวะที่ฝนและน้ำท่าที่เกิดขึ้น ในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม
**************************************
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะกรมชลประทาน14 พฤศจิกายน 2560