svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติ 227 ต่อ 205 ผ่านร่างปฏิรูปภาษีฉบับพรรครีพับลิกัน

17 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติ 227 ต่อ 205 ผ่านร่างปฏิรูปภาษีฉบับของพรรครีพับลิกัน เตรียมส่งลูกต่อให้วุฒิสภาพิจารณาในสัปดาห์หน้าโดยหวังว่าจะได้รับข่าวดี ซึ่งบ่งบอกทรัมป์ชนะเพียงยกแรก ส่งผลให้ Nasdaq ทะยานขึ้น 2% ทำนิวไฮเพียงช่วง 24 ชั่วโมง พร้อมดึง S&P 500 และดาวโจนส์พุ่งขึ้น 0.82% และ 0.8% ตามลำดับใกล้แตะจุดนิวไฮเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภาซึ่งมีเนื้อหาหลักในร่างกฎหมายมีความแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร จึงยังทำให้มีความไม่แน่แนอนว่า วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะสามารถผสมผสานความแตกต่างให้ลงตัวได้

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มฟื้นตัวในแดนบวกส่วนใหญ่ ยกเว้นหุ้นจันที่ยืนในแดนลบ ท่ามกลางธนาคารกลางจีนอาศัยจังหวะอัดฉีดสภาพคล่องอีกระรอกใหญ่ในปีนี้ ประคองตลาดหุ้นทรงตัวอย่างมีเสถียรภาพ เป็นเม็ดเงินสุทธิสูงถึง 1.4 ล้านล้านหยวนนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

1. สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติ 227 ต่อ 205 ผ่านร่างปฏิรูปภาษีฉบับของพรรครีพับลิกันเมื่อวันพฤหัสบดี เตรียมส่งลูกต่อให้วุฒิสภาพิจารณาในสัปดาห์หน้า โดยหวังว่าจะได้รับข่าวดี เนื่องจากวุฒิสภายังคัดค้านแผนปฏิรูปภาษีฉบับนี้ จึงนับเป็นชัยชนะในการผลักดันผ่านร่างกฎหมายครั้งสำคัญเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดในแดนบวก หลังจากอ่อนตัวตลอด 5 วันทำการซื้อขายที่ผ่านมา

นำโดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่พุ่งขึ้น ส่งผลให้ Nasdaq พุ่งขึ้นถึง 2% ภายใน 24 ชั่วโมง พุ่งทะลุยืนเหนือ 6,806 ก่อนปิดที่ 6,793 เพิ่มขึ้น 87.08 จุดหรือ 1.30% ขณะเดียงกับที่หุ้นกลุ่ม Small Cap กฌปรับตัวขึ้นร้อนแรงกระตุ้นทั้ง S&P 500 พุ่งขึ้นยืนเหนือเส้นดัชนีค่าเฉลี่ยระยะยาว 52 สัปดาห์ มาปิดที่ 2,585 เพิ่มขึ้น 21.02 จุด หรือ 0.82% และดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 187.08 จุด หรือ 0.80% มาปิดที่ 23,458


2. ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งทวิตเตอร์แสดงความยินดีต่อการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นการก้าวไปข้างหน้าครั้งใหญ่เพื่อมุ่งหน้าสู่การทำตามคำสัญญาที่ให้เคยสัญญาว่าจะคลอดแผนลดภาษีครั้งประวัติศาสตร์เพื่อคนอเมริกันในช่วงปลายปี

ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้ ที่เรียกว่า Tax Cuts and Jobs Act ซึ่งสาระสำคัญก็คือ การปรับลดภาษีนิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลจาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6% จะเกิดผลดีในการกรถตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐขาดรายได้สูงถคง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภาซึ่งมีเนื้อหาหลักในร่างกฎหมายมีความแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร จึงยังทำให้มีความไม่แน่แนอนว่า วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะสามารถผสมผสานความแตกต่างให้ลงตัวได้


3. ความจริงประการหนึ่งก็คือ การทำนิวไฮของหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ตลาดหลักมาจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติเป็นจะนวน 26,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือรกันยายนปีนี้ จากยอดเม็ดเงินรวม 61,000 ล้านดอลลาร์ที่ไหลเข้าลงทุนหลักทรัพย์ระยะยาวอื่นๆ
โดยเฉพาะการงทุนถือบอนด์ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นการเข้าลงทุนมากเป็นอันดับสองนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2016 นำโดยทางการเบลเยี่ยมทีมีถือครองบอนด์รัฐบาลสหรัฐเป็นยอดรวมสูงถึง 1.048 ล้านล้านดอลลาร์
ส่วนประเทศที่ทำการขายบอนด์รัฐบาลสหรัฐ ประกอบด้วย ทางการจีนลดสัดส่วนการลงทุน 19,700 ล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 1.18 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น ยังประกอบด้วยญี่ปุ่นที่ทำการขายออกในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงรัสเซียและซาอุดิอารเบีย

4. นอกจากนักลงทุนยัต้องรอลุ้นการพิจารณาร่างปฏิรูปภาษีของวุฒิสภาสหรัฐในสัปดาห์หน้านี้แล้ว ได้มีการสำรวจในเดือนพฤศจีกายนเรียกว่า Research Outlook 2018: Return of the Business Cycle ชี้ถึงประเด็นสำคัญที่นักลงทุนยังต้องระมัดระวังในการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐ

โดยเฉพาะในตลาดหุ้น S&P 500 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด ท่ามกลางความกังวลในภาวะที่ผลตอบแทนการลงทุนในดัชนี S&P 500 ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาสูงถึง 20% ขณะที่มีการปรับฐานเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยแค่ 2.8% เท่านั้น


5. ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มฟื้นตัวตามทิศทางหุ้นสหรัฐ ยกเว้นหุ้นจีนซึ่งนยืนในแดนลบ 0.55-1.23% ในดัชยีหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น ท่ามกลางธนาคารกลางจีนอาศัยจังหวะนี้ทำการอัดฉีดสภาพคล่องอีกระรอกใหญ่ในปีนี้ เพื่อรักษาเสถึยรภาพของตลาดหุ้นจีน เป็นเม็ดเงินสุทธิสูงถึง 1.4 ล้านล้านหยวนนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

หลังจากพบว่า นับจากต้นปีนี้ ธนาคารกลางจีนมีการอัดฉีดเม็ดเงินเสนิมสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องถึง 17 ครั้ง ทำให้ตลาดหุ้นของขีนสามารถให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหุุ้นขนากใหญ่ติดท็อป 10 ให้ผลตอบแทนการลงทุนกับกองทุนหุ้นของจีนสูงถึง 304% หากเป็นการลงทุนต่อเนื่องในระยะ 12 ดือน

ส่วนตลาดอื่นๆ ล้วนเปิดในแดนบวกทั้ง ดัชนี Nikkei บวก 1.13% หั่งเส็งฮ่องกง บวก 0.67% หุ้นเกาหลีใต้บวก 0.44% หุ้นสิงคโปร์บวก 0.44% รวมถึงหุ้นไทยบวก 0.65%

logoline