เกิดภาวะฟองสบู่ครั้งใหญ่ในการประมูลภาพวาดของ Leonardo da Vinci มูลค่าสูงถึง 450 ล้านดอลลาร์

สงครามช่วงชิงภาพที่ชื่อว่า "Christ as Salvator Mundi" ซึ่งเป็นผลงานของ Leonardo da Vinci ที่เปิดประมูลครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยใช้เวลานานตลอด 90 นาที จนได้ชื่อว่าเป็นภาพที่มีราคาแพงที่สุด เมื่อเทียบกับการประมูลภาพวาดของ Pablo Picasso painting เมื่อปี 2015 ที่ขายได้ในราคา 179.4 ล้านดอลลาร์

ขณะที่เงินสะพัดในการประมูลครั้งนี้ถูกนำมาเชื่อมโยงราคาของ Bitcoin ที่อยู่ในภาวะที่เป็นฟองสบู่ ซึ่งมีการตีค่าเป็นสกุลเงินดิจิตัลเท่ากับ 62,500 Bitcoin ซึ่งมีอัตราซื้อขายที่ 7,200 ดอลลาร์ และเป็นที่คาดว่ามาจากการฟอกเงินของนักลงทุนจากจีนที่เข้าร่วมการประมุูลดังกล่าว

1. การเปิดประมูลภาพวาดนของ Leonardo da Vinci มูลค่าสูงถึง 450 ล้านดอลลาร์เป็นประวัติศาสตร์ในการจัดประมูลภาพของ Christie ในนิวยอร์ก ในการประมูลนับเป็นผลงานที่มีราคาแพงที่สุดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถิแเป็นการเกิดภาวะฟองสบู่ครั้งใหญ่

นอกจากนี้ ราคาภาพที่ชื่อว่า "Christ as Salvator Mundi" ซึ่งเป็นผลงานของ Leonardo da Vinci ที่เปิดประมูลครั้งนี้ ยังเชื่อว่าสูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ถึง 4 เท่าตัว จากราคาเบื้องต้นที่ประเมินไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์

ขณะที่เงินสะพัดในการประมูลครั้งนี้ถูกตีค่าเป็นสกุลเงินดิจิตัลเท่ากับ 62,500 Bitcoin ซึ่งมีอัตราซื้อขายที่ 7,200 ดอลลาร์ และเป็นที่คาดว่ามาจากการฟอกเงินของนักลงทุนจากจีนที่เข้าร่วมการประมุูลดังกล่าว


2. สงครามช่วงชิงภาพที่ชื่อว่า "Christ as Salvator Mundi" ซึ่งเป็นผลงานของ Leonardo da Vinci ที่เปิดประมูลครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยใช้เวลานานตลอด 90 นาที จนได้ชื่อว่าเป็นภาพที่มีราคาแพงที่สุด เมื่อเทียบกับการประมูลภาพวาดของ Pablo Picasso painting เมื่อปี 2015 ที่ขายได้ในราคา 179.4 ล้านดอลลาร์

ภาพเก่าแก่ที่มีอายุนานถึง 500 ปีนี้ เกิดขึ้นอย่างร้อนแรง หลังจากที่ผ่านไปเพียง 19 นาทีแรก หลัจากนั้นก็มีการเสนอซื้อไล่ราคาสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ ต่อมาเป็น 300 ล้านดอลลาร์ และ 350 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลาอันสั้น ก่อนวบลงที่ราคา 450.30 ล้านดอลลาร์


3. นอกเหนือจากการประมูลภาพวาดของ Leonardo da Vinci ที่สร้างภาวะฟองสบู่เกิดขึ้นแล้ว โดยมีส่วนเชื่อมโยงจากการลงทุนในสกุลเงิน Bitcoin ที่กลับมายืนเหนือระดับ 7,200 ดอลลาร์ต่อ 1 Bitcoin ซึ่งพุ่งขึ้นมากกว่า 500% นับตั้งแต่ต้นปีนี้

จนกระทั่งนักลงทุนบางส่วนล่ำลือกันในตลาดการเงินโลกขณะนี้ ว่า Bitcoin ที่มีการซื้อขายอย่างร้อนแรงในตลาดเงินดิจิตัล เป็นการประวัติศาสตร์การเงินหน้าใหม่สำหรับการเพิ่มอำนาจการซื้อ และการลงทุน อาจเป็นการปฏิวัติทางการเงินที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต


4. ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์คลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม ปิดตลาดร่วงลงจากปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงตามราคาน้ำมัน รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยล่าสุด รอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันออกมายืนยันว่าจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีที่เป็นของวุฒิสภา

ดาวโจนส์ปิดตลาดในวันพุธที่ 23,271 ลดลง 138.19 จุด หรือ 0.59% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,564 ลดลง 0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,706 ลดลง 0.47%


5. เช่นเดียวกับทิซทางดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเยน ร่วงลงที่ระดับ 112.95 เยน จากระดับ 113.38 เยน และยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9888 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9893 ฟรังก์สวิส

การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์กลับกระตุ้นให้หุ้นญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลงต่อเนื่อง 4 วันซื้อขายที่ผ่านมา โดยดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวขึ้น 0.8% เช่นเดียวกับหุ้นฮ่องกง เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ที่ปรับขึ้นในแดนบวกระหว่าง 0.2-0.5%