ล่าสุด เฟซบุ๊ก เข็นเด็กขึ้นภูเขา โดยผู้ใช้นามว่า หมอมินบานเย็น ได้โพสต์ข้อความ ข้อแนะนำสำหรับ ผู้ใหญ่ และเด็กๆ ว่าน่าจะได้เรียนรู้อะไรจากการวิ่งของ "ตูน บอดี้สแลม" ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก เข็นเด็กขึ้นภูเขา โดยผู้ใช้นามว่า หมอมินบานเย็น ได้โพสต์ระบุว่า.. #เด็กๆ น่าจะได้เรียนรู้อะไรจากการวิ่งของพี่ตูนเป็นเวลาสิบกว่าวันแล้วที่พี่ตูนวิ่งโดยเริ่มต้นตั้งแต่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จุดใต้สุดของประเทศไทย จนมาถึงวันนี้ระยะทางก็ประมาณ 500 กิโลเมตรแล้ว แต่พี่ตูนก็ยังคงวิ่งต่อไปให้ถึงเป้าหมายคือจุดเหนือสุดของประเทศไทยเรื่องราวการวิ่งของพี่ตูนไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ การที่คนคนหนึ่งจะวิ่งไกลถึงสองพันกิโลเมตร แทบจะติดๆกันทุกวัน ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจที่ไม่ธรรมดาระหว่างการวิ่งของพี่ตูน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆที่กำลังติดตามการวิ่งของพี่ตูน ย่อมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมีบางเรื่องที่หมอคิดว่าผู้ใหญ่ที่กำลังดูพี่ตูนวิ่งสามารถสอนเด็กๆให้เรียนรู้สิ่งต่างๆไปด้วยกันได้อย่างแรกคือ เด็กๆจะได้เห็นตัวอย่างของผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ใช้สองขาของตัวเองวิ่งไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะระดมทุนช่วยโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ เป็นการกระทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเองการที่จะปลูกฝังให้เด็กๆมีจิตสำนึกคิดถึงคนอื่น ผู้ใหญ่จำเป็นต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ด้วยการทำให้ดู ไม่บังคับแต่ชวนให้เด็กได้ลองทำอะไรเพื่อคนอื่นตามโอกาส จะทำให้เด็กๆ เข้าใจความรู้สึกดีๆและคุณค่าทางใจที่เกิดขึ้นเมื่อได้ทำอะไรเพื่อคนอื่น เกิดเป็นจิตสำนึกสาธารณะสอนให้เด็กๆเห็นว่าการที่จะทำสิ่งดีๆบางครั้งก็อาจจะทำได้หลายช่องทาง แม้เราจะไปวิ่งแบบพี่ตูนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เช่น การช่วยบริจาคสมทบทุน ช่วยแชร์เรื่องราวของพี่ตูนให้คนอื่นๆได้รับรู้นอกจากนั้น ก็มีสิ่งอื่นๆ ที่ผู้ใหญ่จะสอนให้เด็กเรียนรู้ได้ อย่างเช่น เวลาที่พี่ตูนวิ่งและระหว่างทางมีคนที่มาคอยต้อนรับพี่ตูน จะเห็นประชาชนบางคนก็เข้ามาขวางทางพี่ตูนเพื่อขอถ่ายเซลฟี้ หรือขอจับมือและก็เผลอดึงกระชากพี่ตูน ทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บผู้ใหญ่ก็ควรบอกเด็กๆว่า การทำแบบนั้นจะทำให้พี่ตูนบาดเจ็บได้ แม้เราอาจจะอยากใกล้ชิดพี่ตูนแต่ก็ควรมีสติและความยับยั้งชั่งใจ ควรสอนให้เด็กรู้ว่า เป็นธรรมดาที่เราจะมีความต้องการหรือความอยาก แต่การกระทำของเราไม่ควรจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เรื่องแบบนี้บางทีก็เป็นความละเอียดอ่อนที่ต้องเอาใจใส่ควรชี้ให้เห็นการกระทำที่เหมาะสมของคนที่มาต้อนรับ คือ เมื่ออยากถ่ายรูปก็รอไปถ่ายที่จุดพัก หรือไม่ก็ถ่ายเป็นคลิปวีดีโอแทน บอกเด็กว่าพฤติกรรมของคนเหล่านั้นน่ายกย่องชื่นชม เพราะเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น คิดถึงใจเขาใจเรา เช่น พ่อแม่ก็บอกลูกว่าพ่อแม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ เด็กมีแนวโน้มจะทำในสิ่งที่พ่อแม่ชอบ ก็จะเรียนรู้และทำตาม ตรงนี้หมอคิดว่าดีกว่าที่พ่อแม่จะไปบอกลูกว่า ลูกควรจะต้องทำแบบนั้นแบบนี้นะ บางทีเด็กก็ไม่ได้ทำตามสำคัญที่สุดคือผู้ใหญ่ก็ต้องเป็นตัวอย่าง เช่น ถ้าพ่อแม่พาลูกไปรับพี่ตูนข้างทางก็ควรทำให้ลูกเห็นว่า ข้อควรปฏิบัติที่จะเป็นการทำให้พี่ตูนปลอดภัยเป็นอย่างไร เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการเห็นเป็นตัวอย่างอีกอย่างหนึ่งที่เป็นจุดประสงค์ในการวิ่งครั้งนี้ของพี่ตูนก็คือ เพื่อชักชวนให้ทุกคนหันมาออกกำลังกาย ผู้ใหญ่ก็สามารถชวนเด็กในความดูแลไปออกกำลังกายด้วยกัน ทำให้สุขภาพกายและใจดีห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนั้นเห็นว่า มีเด็กหลายคนชวนพ่อแม่ออกไปวิ่งหลังจากที่ดูพี่ตูน เป็นเรื่องที่น่าชื่นใจการวิ่งครั้งนี้ของพี่ตูนคงไม่ได้มีประโยชน์เพียงช่วยเหลือการสาธารณสุขของประเทศเท่านั้น แต่ทำให้เกิดจิตสำนึกที่ดีของคนในสังคม ที่สำคัญสำหรับเด็กที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าด้วยค่ะ#หมอมินบานเย็นขอบคุณเฟซบุ๊ก เข็นเด็กขึ้นภูเขา