"น้าคม อร่อยปักหมุด"
ผมเริ่มบินไปเมืองน่านด้วยไฟล์ทเช้าของสายการบินแอร์เอเชีย เวลาสบายๆ 07.40 เที่ยวแรก รถไม่ติด ถึงน่าน 08.45 น. เรียกได้ว่าอากาศกำลังสบายๆ แม้ตอนแรกจะดูครึ้มฝนสักนิด แต่ก็โชคดีอากาศเป็นใจ ฝนไม่โปรยสายมาทักทาย โชคดีเป็นของผมในการเก็บภาพบรรยากาศต่างๆ ทริปนี้ของผม สองวัน สามคืน เวลากำลังดีที่จะได้เดินทางเที่ยวได้ทั้งในเมือง บนดอย และชนบทที่มีเรื่องราวของวิถีและวัฒนธรรม
ผมเลือกเดินทางต่อด้วยรถตู้เพื่อความสะดวกในการเดินทางทั้งที่ลาบและพื้นที่บนดอยสูง และเพื่อทำเวลาในการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ของเมืองน่านซึ่งผมเลือกเดินทางในส่วนของน่านกลางและน่านเหนือ เพื่อตามรอยวิถีไทยลื้อ เยื่อมชมวัฒนธรรมและชุมชนน้ำมวบ เวียงสา ตามเส้นสายของเส้นด้ายและผ้าทอ พร้อมทั้งแวะบ่อเกลือ เมืองที่สวยสงบและน่าท่องเที่ยว แถมเวลายังเหลือเฟือพอที่จะปั่นรถถีบที่เวียงสา ขึ้นดอยภูคา และไปแวะอันซีนเสาดินนาน้อย เสาดินที่มีอายุหลายหมื่นปี ของเมืองน่าน
ที่นี่น้ำมวบ เมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรมและวีถีชุมชน
การเดินทางในวันแรกเมื่อออกจากสนามบินผมเลือกเดินทางไปที่ บ้านน้ำมวบ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสาซึ่งไม่ไกลจากอำเภอเมืองน่าน ที่นี่คณะพวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก คุณฤทธิชัย สุฟู ผู้นำท่องเที่ยว ชุมชนกลุ่มฮักน้ำมวบ มาช่วยดูแลและพาไปในพื้นที่ของชุมชนบ้านน้ำมวบในระยะเวลาที่คุ้มค่า งานนี้ผมเองได้ชิม ชม ช็อป ได้ครบหมด ในคราเดียว แถมได้เอาฤกษ์เอาชัย แวะไว้ศาลเจ้าพ่อช้างาแดง ศาลเจ้าพ่อเก่าแก่อายุหลายร้อยปี สัญลักษณ์ทางจิตใจของชาวน้ำมวบ ที่เป็นที่เคารพสักการะของชาวน้ำมวบ ชาวจังหวัดน่าน และจังหวัดใกล้เคียง ที่โดดเด่นในด้านโชคลาภ และการมาขอพรเรื่องการสอบต่างๆ โดยทางหมูบ้านได้จัดทีม"ข้าวจ้ำ" หรือผู้ดูแลผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลอำนวยความสะดวกในการสักการะบูชาที่ถูกวิธี ซึ่งมีทั้งการบูชาด้วยดอกไม้ขาว (เงิน) กล้ว อ้อย และหัวหมู
ถัดจากศาลเจ้าพ่องาแดง ผมได้ไปเที่ยวดูการทำนา และไปดูวิถีชุมชนและอาหารการกินของชาวน้ำมวบที่บ้านป้ายอง นางศตพร อินทะเขื่อน เจ้าของน้ำปูสูตรเด็ด ชื่อดัง แม่ศตพร น้ำปู ทีนอกจากจะทำน้ำปูขายแล้ว
ยังมีโฮมสเตย์และตูบนาให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชิลชิล ทำลาบกันที่คันนา ลาบ ของน้ำมวบเป็นสูตรพิเศษ เรียกชื่อตามพื้นถิ่นว่า ลาบหมูหมี่ ไอ้น้าก็นึกว่าจะเป็นลาบใส่เส้นหมี่ แต่ที่ไหนได้เป็นลาบเมือง ที่ใส่เครื่องแบบชาวน่านที่เรียกว่าเครื่องข้าวหมี่ โดยมีมะแขว่นเป็นส่วนผสมหลักที่ช่วยชูรสชาติของลาบ มีเลือดหมู และเครื่องในหมูที่นำไปทอดจนสุก และเนื้อหมูสันในสับละเอียดเป็นส่วนผสมหลัก หากใครไม่ชอบทานดิบก็นำไปคั่วให้สุก ก็อร่อยไปอีกแบบครับ
มะแขว่นสดจากต้น
บ้านป้ายองทานลาบหมูหมี่กับผักพื้นบ้าน ซึ่งผมไม่ทราบเลยครับว่าผักบางชนิดทานได้ มาได้ความรู้และรู้จักพืชผักใหม่อีกเพียบ ลาบหมูหมี่ทานกับผักกาดขิ่ว (รสชาติคล้ายวาซาบิ) ใบอ่อนของกาแฟโรบัสต้า ใบแมงลัก ใบย่านาง ที่ตูบนาป้ายองยังมีอีกหลายเมนูเด่น เช่น แกงบอน ยำหน่อไม้ และน้ำปู ซึ่งน้ำปูนี้เป็นไฮไลท์ของตูบนา เพราะนอกป้ายองจะทำนา และขุดสระเลี้ยงปู ปลานิล ปลาดุก เอาไว้ทำอาหารแล้ว ป้ายองยังมีน้ำปูจากปูนาไว้จำหน่าย งานนี้น้าคมเลยได้เคล็ดลับการทำน้ำปูจากป้ายองมาแบบไม่หวงวิชา เอาไว้คราวหน้าน้าจะมาสอนทำน้ำปูแบบละเอียดๆ ครับ
นอกจากบ้านป้ายองจะเป็นชาวบ้านที่นำเรื่องราวของวิถีชุมชนมาผสานรวมกันการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีในเชิงการท่องเที่ยววิถีชุมชน ที่น้ำมวบยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่น่าสนใจ ซึ่งก็มีทั้งชาวบ้านหนุ่มสาว และคนแก่ที่ยังทำอาชีพต่างๆของชุมชนด้วยใจรัก เช่น การทำข้าวหลาม จากไม้ไผ่ข้าวหลาม ของชาวบ้านวัยกว่า 60 ปี อย่าง ป้าแตและลุงประเสริฐ หรือการทำกล้วยเบรคแตกจากกล้วยน้ำว้าท้องถิ่น ราคาหวีละ 7-8 บาท ทำเป็นกล้วยเบรคแตกรสชาติต่างๆ ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 100 บาท
ซึ่งชาวบ้านน้ำมวบนั้นจะมีความสามัคคีในชุมชนรวมกลุ่มกันทำงานหัตถกรรมต่างๆ ทั้งงานจักสาน การทำยาหม่องสมุนไพร การทำลูกประคบ โดยมีวัดน้ำมวบ เป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งนอกจากวัดน้ำมวบแล้ว ที่น้ำมวบยังมีอีกหนึ่งจุดชมวิว
และเป็นแลนมาร์คสำคัญของพ่ออุ้ย แม่อุ้ย ผู้สูงอายุมารวมกลุ่มการทำเครื่องจักสานจากไม้ไผ่ ซึ่งน่านเป็นจังหวัดที่มีไม้ไผ่หลากหลายประเภททำให้สามารถนำมาทำได้ทั้งอาหาร เครื่องจักสาน นำไปทำข้าวหลาม และทำไม้ขัดแตะ ฯลฯ
จุดชมวิวและศูนย์กลางของชาวบ้านที่ว่านี้ คือ พระธาตุแดนทอง พระธาตุที่มองเห็นทิวเขาหลวงพระบาง ฝั่งประเทศลาว และวิวบ้านน้ำมวบอย่างสวยงาม กิจกรรมของที่นี่นอกจากนักท่องเที่ยวจะมาถ่ายภาพชมวิวกันแล้ว ยังมีการบายศรีสู่ขวัญแบบล้านนา ของพ่ออุ้ย แม่อุ้ย ที่สร้างความประทับใจให้กัยผมและทีมงานเป็นอย่างมาก ทั้งหมดของการให้บริการเที่ยวชมบ้านน้ำมวบและทำกิจกรรมต่างๆ ในวันนี้ ราคาท่านละ 600 บาท ผมถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาบ้าน้ำมวบในครั้งนี้ และผมคิดว่าทุกท่านอยากมาสัมผัสวิถีของชุมชนเหมือนผม
ใกล้จะถึงเวลาเย็นผมมีเวลาอีกเล็กน้อยในการถ่ายวิวและนำโดรนมาบินเก็บภาพสวย อ้อ ขาดไม่ได้ เซลฟี่กันสักหน่อย ที่ป้าย "ที่นี่น้ำมวบ" เมืองน่าฮัก ของชาวน่าน เสร็จจากวิถีน้ำมวบผมมีภาระกิจต้องเข้าพักในเมืองน่าน ที่พักสถาปัตยกรรมโคโรเนียลผสมล้านนา ผมพักที่"คุ้มเมืองมินทร์" ที่พักของผมใกล้กับวัดภูมินทร์และถนนคนเดิน เอาไว้ถึงในเมืองแล้วผมจะมาเล่าเรื่องราว แบบ Slow Life ของชาวเมืองน่านในยามค่ำที่ถนนคนเดินให้ฟังกันครับ