svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

"สี จิ้นผิง" ได้พบปะกับ "ทรัมป์" แล้ว ท่ามกลางการจัดพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

09 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สองผู้นำโลกคือ สี จิ้นผิง ได้พบปะกับทรัมป์แล้วเมื่อวันพุธ ตามแผนการเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 3 วัน ท่ามกลางการจัดพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน มหาศาลาประชาคมของจีน ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าผู้นำจีนจะยื่นข้อเสนอเพื่อประโยชน์ทางด้านการค้าให้กับสหรัฐ และเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงชัยชนะเบื้องต้นของทรัมป์ โดยหวังจะรักษาสถานภาพในการเป็นผู้นำที่มั่นคงในสมัยที่สองของเขา

แต่ก็มีรายงานข่าวว่า ผู้นำสหรัฐอาจไม่ได้หวังเพียงแค่ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะหยิบยื่นให้แต่ต้องการให้จีนปรับลดการเกินดุลการค้าเป็นมูลค่าถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ จากยอดเกินดุลการค้าของจีนที่ต่อสกรัฐขณะนี้สูงกึงปีละ 327,000 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมองว่า การพบกันดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายใดๆ และยังแสดงให้เห็นถึงความต้องการของทั้งสองฝ่ายที่จะเจรจาร่วมกันในระดับผู้นำ


1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบปะกันแล้วเมื่อวันพุธ ท่ามกลางการจัดพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน มหาศาลาประชาคมของจีน ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าผู้นำจีนจะยื่นข้อเสนอเพื่อประโยชน์ทางด้านการค้าให้กับสหรัฐ และเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงชัยชนะเบื้องต้นของทรัมป์ โดยหวังจะรักษาสถานภาพในการเป็นผู้นำที่มั่นคงในสมัยที่สองของเขา

โดยมีความเป็นไปได้ที่ผู้นำจีนจะยื่นข้อเสนอทางการค้าและการลงทุนเพื่อให้มีแนวโน้มในการปรับลดความได้เปรียบทางด้านดุลการค้าของจีนที่มีต่อสหรัฐปีละ 327,000 ล้านดอลลาร์ให้ลดต่ำลง


2. ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ผู้นำสหรัฐอาจไม่ได้หวังเพียงแค่ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะหยิบยื่นให้แต่ต้องการให้จีนปรับลดการเกินดุลการค้าเป็นมูลค่าถึง 250,000 ล้านดอลลาร์

หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบปะกับชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าได้เมัข้อสัญญากันว่า ญี่ปุ่นจะยอมลดความได้เปรียบด้านดุลการค้าที่ต่อสหรัฐ ให้ลดลงมาจากมูลค่า 69,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน


3. ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมองว่า การพบกันดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายใดๆ และยังแสดงให้เห็นถึงความต้องการของทั้งสองฝ่ายที่จะเจรจาร่วมกันในระดับผู้นำ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การพบกันระหว่างสองผู้นำบ่งชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักถึงความร่วมมือและการยังมีความสำคัญที่จะช่วยวางโร้ดแมพในการเดินหน้าความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก

นักวิจารณ์ยังมองว่า ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์จะยังไม่มีนโยบายต่อจีนที่ครอบคลุมรอบด้าน แต่อาจจะมีการเปลี่ยนยุทธวิธีจากที่เคยกล่าวถึงจีนอย่างแข็งกร้าว มาเป็นวิธีที่เน้นการปฏิบัติมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือของสองประเทศมีความจำเป็นต่อการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งยังจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาสันติภาพในโลก


4. อย่างไก็ตาม ก่อนเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการตามแผนการเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 3 วันนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างที่เยือนเกาหลีใต้ โดยเรียกร้องให้นานาชาติมาร่วมกันโดดเดี่ยวระบอบการปกครองอันโหดร้ายของเกาหลีเหนือ ว่า โลกจะไม่ทนต่อระบอบอันเป็นภัยที่ข่มขู่เรื่องการทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์ และอย่าประเมินต่ำจนเกินไป หรืออย่าได้มาทำการลองดี

เพราะประเทศที่มีความรับผิดชอบควรจะร่วมกันโดดเดี่ยว และปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงการสนับสนุนหรือแม้แต่การยอมรับใดๆ โดยที่ผู้นำสหรัฐพุ่งเป้าไปที่ผู้นำจีนให้ตัดความช่วยเหลือที่มีต่อเกาหลีเหนือ


5. นอกเหนือจากการพบปะกันของสองผู้นำโลกดังกล่าว ความตึงเครียดของสถานการณ์ปราบปรามคอร์รัปชัน และกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามในซาอุดิอารเบียขณะนี้ กำลังเป็นปมร้อนที่นักลงทุนจับตามองมากที่สุด เมื่อรัฐบาลซาอุดิอารเบียภายใต้การนำของมกุฏราชกุมาร Mohammed Bin Salman ในฐานะประธานคณะกรรมการปราบปรามคอร์รัปชันมีการระบุตัวเลขที่จะยึดคืนทรัพย์สินสูงถึง 3 ล้านล้านริยาล หรือราว 800,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อผนวกกลับเข้ามาเป็นทรัพย์สินของประเทศ

หลังจากได้มีการเข้าตรวจาอบบัญชีส่วนตัวของบรรดาเจ้าชายที่ถูกกล่าวหาและถูกควบคุมตัวจากข้อหาคอร์รัปชันถึง 1,200 บัญชี ซึ่งได้มีการอายัดทรัพย์สินมาก่อนแล้วถึง 33,000 ล้านดอลลาร์ จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้ถูกมองว่าซาอุดิอารเบียอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาการลดค่าเงินอย่างหนักหน่วง หรือต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอยขั้นรุนแรงได้ในอนาคตได้

โดยเฉพาะจะกระทบต่อฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศที่เคยสูงถึง 730,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2014 แต่จนถึงเดือนส.ค.ที่ผ่านมาลดลงอยู่ที่ 487,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งกระทบต่อแผนการแปรรูปของบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ชื่อว่า Aramco ซึ่งมีรัฐบาลเป็นเจ้าของ โดยตีมูลค่าระหว่าง 1-2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2018 จะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดได้หรือไม่

logoline