แนวทางที่สองคือ การปลูกป่าในบ้านและชุมชน เชื่อมโยงกับป่าใหญ่ เป็นฟู๊ดแบงก์ เป็นแหล่งอาหารให้คนบริโภคได้ ตามแนวทางสมเด็จพระราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และเป็นอาหารสัตว์ได้ด้วย ซึ่งฝากให้กระทรวงทรัพย์ฯดูแลหาพืชที่ควรนำไปปลูกเสริมบริเวณชายป่า เพราะถ้าคนได้ประโยชน์จากป่าก็จะช่วยดูแลรักษา คิดว่าเป็นเจ้าของร่วมกัน
นายกรัฐมนตรียังเสนอแนวทางให้มีการปลูกต้นไม้ของครอบครัว ช่วยกันดูแลให้โตมีชีวิต ต้นไหนตายให้ปลูกทดแทนใหม่ ทั้งนี้ สำหรับโครงการปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดินมีกำหนดถึงเดือนกันยายน แต่ตนมอบนโยบายไปว่า ให้ปลูกตลอดไปไม่ต้องกำหนด พร้อมกันนี้ ควรสร้างศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้ในท้องที่ อาทิ เก็บเมล็ดพันธุ์ที่งอกมาทุกบ้าน ทุกหมู่บ้าน ควรขยายปลูกป่าเชิงการท่องเที่ยว เช่น ไม้ดอก เรียงเป็นแถวมีสีสันสวยงาม นายกฯกล่าว
ด้านพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า สืบเนื่องจาก นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2560ว่า รัฐบาลควรจัดทำโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 65 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 อีกทั้ง เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมสืบสานแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในการฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชน ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียว ปลูกฝังจิตสำนึกอนุรักษ์ต้นไม้และทรัพยากรป่าไม้แก่ประชาชนทุกคนในประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานภาคส่วนอื่น รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนและภาคประชาชนปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ทั้ง 77 จังหวัด อย่างพร้อมเพรียง เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีโอกาสถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวต่อว่า ดังนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทยจัดโครงการ "ประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน" โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการเตรียมกล้าไม้ แจกจ่ายกล้าไม้และติดตามผลการปลูกต้นไม้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ส่วนกระทรวงมหาดไทย (มท.)จัดเตรียมพื้นที่ปลูกต้นไม้ในทุกจังหวัดและรณรงค์ให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ โดยจัดทำทะเบียนพื้นที่ปลูกต้นไม้ ประเภท ตำแหน่ง ขนาดและเจ้าของพื้นที่ สำหรับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนจะร่วมปลูกต้นไม้ในพื้นที่ภายใต้การกำกับดูแลของตนเองและดูแลรักษาให้เจริญเติบโต เพื่อเป็นพื้นที่สีเขียวในเมืองและคืนความสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งมีพิธีเปิดโครงการฯเมื่อวันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมคณะรัฐมนตรีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชน เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง และร่วมกันปลูกต้นไม้พร้อมกับ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรียังมอบกล้าไม้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการ"ประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน" กำหนดพื้นที่เป้าหมายดำเนินการ ดังนี้
1. พื้นที่กรรมสิทธิ์ของประชาชน โดยจะแจกกล้าไม้ให้ประชาชนนำไปปลูกในพื้นที่ตนเอง เช่น ที่พักอาศัย ที่ทำกิน พื้นที่หัวไร่ปลายนา
2. พื้นที่ของรัฐทุกประเภท โดยเชิญชวนประชาชน เอกชนและส่วนราชการเข้าร่วมปลูกต้นไม้ด้วย ได้แก่ พื้นที่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยราชการ โดยให้หน่วยงานราชการที่กำกับดูแลพื้นที่ดูแลและบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกภายใต้โครงการ พื้นที่ตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี โดยให้กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดูแลและบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกภายใต้โครงการ พื้นที่สาธารณะและสวนสาธารณะที่ประชาชนและประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กำกับดูแลพื้นที่ดูแลและบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกภายใต้โครงการ
"กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯมุ่งหวังว่าการจัดโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ ให้แผ่นดิน จะมีประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติฯ ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านกล้า ซึ่งจะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ต้นไม้และทรัพยากรป่าไม้ให้ประชาชนทุกคนในประเทศ และสามารถฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ เพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวในประเทศไม่ต่ำกว่า 50,000 ไร่"