สำหรับโครงการขนาดใหญ่ของกรมฯ ที่ยังค้างอยู่ในปัจจุบันมี 3 โครงการ คือโครงการ พัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีหมอชิตเก่า,โครงการปรับปรุงอาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงโรงภาษีร้อยชักสาม ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนรวมกันราว 3.38 หมื่นล้านบาท
ส่วนโครงการพัฒนาที่ดินบริเวณหมอชิตเก่านั้น เนื่องจาก มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของแบบก่อสร้าง จึงจำเป็นต้องนำแบบกลับมาปรับปรุงใหม่ทั้งนี้ โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณหมอชิตเก่า เนื้อที่ 63 ไร่ มีมูลค่าเงินลงทุน 2.69 หมื่นล้านบาทรูปแบบเป็นโครงการศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน อพาร์ตเมนต์และโรงแรม
นายพชร กล่าวว่า ในส่วนของโครงการปรับปรุงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่บริษัท NCCmanagement and development จำกัด ได้สิทธิในการบริหาร ซึ่งจะเป็นการปรับปรุงอาคารศูนย์ประชุมเดิม ใช้เงินลงทุน 6 พันล้านบาท โดยจะประกอบด้วยตัวโรงแรม ขนาด 400 ห้อง,ที่จอดรถ 3 พันคัน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ 2.8 หมื่น ตรม. ซึ่งขณะนี้สัญญาสัมปทานอยู่ในระหว่างการตรวจร่างของอัยการสูงสุด
สำหรับโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุ แปลงโรงภาษีร้อยชักสาม หรือศุลกสถาน ที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งแปลงนี้จะพัฒนาเป็นบูติคโฮเตลโดยใช้หลักแนวความคิดในการพัฒนาเชิงอนุรักษ์โบราณสถาน โดยปัจจุบันสัญญาสัมปทาน ทางN-Parkเจ้าของสัมปทานเดิม ได้ขายสิทธิ์ในสัมปทานให้แก่ บริษัท ยู ซิตี้ (ของคีรี) ซึ่งมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี
โครงการร้อยชักสาม ได้ลงนามสัญญา ตั้งแต่ปี 2549 แต่มีปัญหาการส่งมอบพื้นที่ของโครงการ และในที่สุดN-Parkได้ขายสิทธิ์ในสัมปทานให้แก่ ยู ซิตี้ ซึ่งได้ส่งตัวแทนเข้ามาเจรจากับกรมฯแล้ว ในเรื่องผลประโยชน์ที่จะให้กับกรมฯโครงการนี้ จะลงทุนพัฒนาไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท และรัฐได้ผลตอบแทนเป็นตัวเงินไม่ต่ำกว่า 1.3 พันล้านบาท