svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

Money Care : รู้ไว้ ใส่ใจเงิน ตอน : 4 เทคนิคจำให้ขึ้นใจ ป้องกันไว้ก่อนถูกหลอกลงทุน

30 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เคยเขียนเรื่องที่ตัวเองถูกหลอก (ให้ลงทุน) ครั้งแรกในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ อยู่ระหว่างหางานทำ จนเจอบริษัทหลอกลวงให้ลงทุนจำกัด ที่เราพลัดหลงเข้าไปศึกษาเรียนรู้งานอยู่ 1 สัปดาห์เต็มๆ

แต่โชคดีที่ไหวตัวทัน และไม่เสียเงินแม้แต่สตางค์ (ยกเว้นค่ารถเมล์ และค่าอาหารมื้อกลางวัน) เพราะฉุกคิดแค่ว่า "เราอุตส่าห์ร่ำเรียนมาตั้งนาน พ่อแม่เสียเงินเยอะแยะ เรามาสมัครงาน เราต้องมาทำงานแลกเงิน ไม่ใช่เอาเงินมาให้เขา"
เรื่องของเรื่อง คือ เขาจะให้เราอบรม 1 สัปดาห์ค่ะ จากนั้นก็บอกว่า คุณสมบัติเราผ่านการประเมิน สามารถเข้าเป็นพนักงานของบริษัทได้ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องนำเงินมาลงทุนซื้อขายถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดงกับบริษัท แล้วอัตราเงินเดือนก็จะขึ้นกับเงินลงทุนของเรา เช่น ลงทุน 40,000 บาท ได้เงินเดือน 4,000 บาท ถ้าอยากได้เงินเดือนมากกว่านั้น ก็ต้องนำเงินมาลงทุนมากเท่านั้น ยิ่งถ้าเราหาเครือข่าย หาญาติพี่น้องมาลงทุนเพิ่มได้ เราก็จะได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
พอรู้ว่า ต้องเอาเงินไปจ่ายให้เขา เพื่อให้เขาเอา (เงินของเรา) มาจ่ายเป็นเงินเดือนให้เรา ดิฉันก็เผ่นแล้ว และก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวความเป็นไปของบริษัทนี้อีกเลย จนกระทั่งได้ข่าวว่า มีคนรู้จักหมดเนื้อหมดตัวขายบ้านขายทรัพย์สิน เพราะหลงเชื่อเอาเงินไปร่วมลงทุนกับเขาจริงๆ ตอนนั้นก็เคยเตือนพี่คนนี้แล้ว แต่เป็นการเตือนตามประสาเด็กๆ เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็เลยเหมือนเสียงลมพัดผ่าน เพราะเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ 
ที่เขียนเรื่องนี้ ก็เพราะตอนนี้ขบวนการ "หลอกให้ลงทุน" กลับมาระบาดอีกครั้งอย่างหนักหน่วง บ้างก็ว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่ได้กำรี้กำไร ดอกเบี้ยก็ต่ำ ตลาดหุ้นก็ไม่คึกคัก ต่างคนต่างก็อยากหาช่องทางรวย อยากหาช่องทางหาเงินมากๆ ก็เพราะ "ความอยาก" ของเรานี่แหละที่เป็นเปิดช่องให้มิจฉาชีพทำงานสะดวกขึ้น หนำซ้ำยังมาในสารพัดรูปแบบ ทั้งธุรกิจขายตรง-ธุรกิจท่องเที่ยวแฝงแชร์ลูกโซ่บ้าง ประมูลทองคำหรือประมูลสมาร์ทโฟนราคาถูก (ผิดปกติ) ผ่านเฟซบุ๊กบ้าง หรือชวนลงทุนในหุ้นนอกตลาดที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศบ้าง ล่าสุดที่แบงก์ชาติเพิ่งออกโรงเตือนไปว่า เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ก็คือ "วันคอยน์"
แต่ข้อสังเกตหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน แตกต่างกันอย่างไร แต่มีสิ่งเดียวที่เหมือนกัน นั่นคือ มิจฉาชีพจะใช้ "ผลตอบแทนสูงๆ" เป็นตัวล่อและเร่งการตัดสินใจ เพื่อให้เหยื่อไม่อาจปฏิเสธได้
ดังนั้น ถ้าจะป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ 
เทคนิคที่ 1 : ต้องอย่าโลภไปกับผลตอบแทนสูงๆ ที่มันใช้ล่อใจเราค่ะไอ้ประเภทที่บอกว่า ลงทุนแล้ว จะให้ผลตอบแทน 5% ต่อสัปดาห์ หรือ 7-10% ต่อเดือน สูงเว่อร์ขนาดนี้นี่ต้องฉุกคิดเลย เพราะถ้าจะลองเทียบผลตอบแทนที่สามารถอ้างอิงได้ ก็ให้เทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ (ที่เสี่ยงน้อย ผลตอบแทนน้อย) ซึ่งก็จะอยู่ในราว 1.5% ต่อปี (ย้ำว่า ต่อปี) เท่านั้น ขณะที่การลงทุนในหุ้น (ที่เสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง) ค่าเฉลี่ยมาตรฐานของผลตอบแทนก็น่าอยู่ประมาณ 8-12% ต่อปี พ้นจากนี้ ถ้าอะไรที่เกินไปกว่าค่ามาตรฐานที่ใช้อ้างอิงมากๆ ก็ต้อง "สะกิดใจตัวเอง" ให้คิดสักนิดก่อนตัดสินใจลงทุน
เทคนิคที่ 2 : อย่าไว้ใจ หรือเกรงใจ จนไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อมีคนมาชวนทำธุรกิจที่มีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ หรือตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ด้วยการหลีกเลี่ยงเข้าร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่มที่เราไม่แน่ใจไปเลยก็ได้ถึงจะท่องมาตั้งแต่เด็กว่า "ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี" แต่ใช้ไม่ได้กับกรณีนี้ ทีนี้ถ้าสงสัยว่า นี่มันแชร์ลูกโซ่หรือขายตรงกันแน่ มันมีข้อสังเกตของแชร์ลูกโซ่ในคราบธุรกิจขายตรง ก็คือ เขาจะไม่เน้นการขายสินค้า สาธิตสินค้า หรือพยายามทำให้สมาชิกเข้าใจในตัวสินค้า อาจจะมีสินค้าพอให้จับต้องได้บ้าง แต่จะเน้นการหาสมาชิกใหม่ตลอด เพราะค่าสมัครสมาชิก หรือค่าซื้อสินค้าแรกเข้า หรือค่าหุ้นหรือหน่วยลงทุนนี่แหละ ที่จะถูกนำมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับสมาชิกเก่า แต่หากไม่สามารถหาสมาชิกใหม่ได้ ก็จะไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่สมาชิกเก่าได้
เทคนิคที่ 3 : ต้องศึกษาที่มาที่ไปของการลงทุนหรือสินค้าให้ดีก่อนการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจหรือสินค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงมากในเวลาอันสั้น หรือมีราคาถูกผิดปกติ ท่องไว้เลยว่า อย่าลงทุนในอะไรที่เราไม่รู้จัก หรือในอะไรที่เราหาคำตอบไม่ได้ว่า "ที่เราจะลงทุนนี่ มันคืออะไรกันแน่" 
เทคนิคที่ 4 : ต้องพยายามติดตามข่าวสารกลโกงอย่างต่อเนื่อง แล้วต้องเปิดใจยอมรับฟังคำเตือนจากคนรอบข้างบ้าง บางคนอาการหนัก ขนาดเห็นข่าวตำรวจจับก็แล้ว อะไรก็แล้ว ก็ยังตะบี้ตะบันเชื่อว่า "จริง" หาว่าผู้ต้องหาถูกกลั่นแกล้งบ้าง จริงๆ ไม่ต้องทำให้ครบ 4 ข้อหรอกค่ะ แค่ท่องข้อแรกข้อเดียวให้ขึ้นใจ มีสติ ฉุกคิดนิดเดียว ก็เอาอยู่แล้ว

logoline