svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ไลฟ์สไตล์

"ความแตกต่างคือสวย" 125 ปี Vogue สหรัฐฯ

16 กุมภาพันธ์ 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ประวัติศาสตร์ของนิตยสาร Vogue สหรัฐฯนั้น หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าจะยาวนานขนาดทีี่ปี 2017นี้ Vogue สหรัฐฯ ได้ฉลองครบรอบ 125ปี ของนิตยสารไปเรียบร้อยแล้ว

เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในนิตยสารแฟชั่นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในสมบัติโบราณของโลกได้เลยทีเดียว
เพราะทั้งแฟชั่นการแต่งกายและไลฟ์สไตล์ต่างๆที่ Vogue US นำเสนอมาตลอด 125ปี ก็เท่ากับว่า ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์เป็นเหมือนพงศาวดารที่ให้คนรุ่นหลัง สามารถมาค้นคว้าหาความรู้ได้ หากอยากรู้เรื่องการแต่งกายหรือชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ที่ย้อนกลับไปได้ไกลแบบมีหลักฐานชัดเจนได้ถึง 125ปีเลยทีเดียว

"ความแตกต่างคือสวย"
 125 ปี  Vogue สหรัฐฯ


อย่างไรก็ตาม ความเก่าแก่ของ Vogue US ก็ยังเป็นรองความเก่าแก่ของนิตยสารแฟชั่นชั้นนำอีกเล่มอย่าง Harper's Bazaar US อยู่ดี
เพราะ Harper's Bazaar US นั้น ปี 2017นี้ ก็จะมีอายุครบ 150ปีแล้ว! ซึ่งก็ได้มีการออกฉบับพิเศษมาเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบการกำเนิดของนิตยสาร เช่นเดียวกันกับทาง Vogue US
แต่สัปดาห์นี้ เราจะพาไปสำรวจ Vogue US ฉบับครบรอบ 125ปี ซึ่งเป็นฉบับประจำเดือน มีนาคม 2017 กันก่อน

"ความแตกต่างคือสวย"
 125 ปี  Vogue สหรัฐฯ


แน่นอนที่ ในเมื่อ Vogue US เป็นเหมือนคู่มือหรือ"คัมภีร์ไบเบิ้ลทางแฟชั่น"ของผู้หญิงมาตลอดกว่าศตวรรษ ดังนั้น ฉบับครบรอบ 125ปี จึงเป็นการเชิดชูความงามของผู้หญิงกันตั้งแต่หน้าปกเลยทีเดียว
ซึ่ง Vogue US ต้องการสร้างให้โลกทั้งโลกเข้าใจกันใหม่ว่า จริงๆแล้ว บนโลกนี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่สวย
เพราะตลอดกว่าศตวรรษที่ผ่านมา ดูเหมือนกับว่า ผู้คนบนโลกจะมีนิยามเกี่ยวกับความงามที่คับแคบกันมากขึ้นเรื่อยๆ

"ความแตกต่างคือสวย"
 125 ปี  Vogue สหรัฐฯ


แน่นอน ความงามที่ถูกฝังหัวกันมาตลอดว่าผู้หญิงทุกคนต้องเป็นแบบนี้ถึงจะงาม ก็อย่างเช่น ต้องผอม ต้องขาว ต้องผมยาว ต้องสูงโปร่ง
ในขณะทีี่ความงามทางสมองหรือการเป็นผู้หญิงที่มีทัศนคติดีและเหมาะสม ก็ถูกมองข้ามเช่นกัน แต่ให้ความสำคัญเพียงความงามภายนอก หรือหน้าตาและสรีระรูปร่างเพียงอย่างเดียว
หน้าปกของ Vogue US March 2017 จึงมาในธีม"ความแตกต่างคือความสวย"โดยได้นำนางแบบแฟชั่นระดับโลกทั้งหมด 7คน มาขึ้นปกพร้อมกัน

"ความแตกต่างคือสวย"
 125 ปี  Vogue สหรัฐฯ


ที่น่าสังเกตก็คือ ส่วนใหญ่แล้ว Vogue US ในยุคหลัง มักชอบนำดารานักร้องมาขึ้นปกมากกว่าที่จะใช้นางแบบแฟชั่นขึ้นปก ด้วยเหตุผลทางด้านการตลาด
ซึ่งก็จะมีนางแบบแฟชั่นได้ขึ้นปกกันอยู่บ้าง แต่ต้องเป็นระดับซูเปอร์โมเดลที่สร้างกระแสในวงกว้างได้เท่านั้น ถึงจะได้มาปรากฏโฉมบนปก Vogue US
แต่เมื่อมาถึงฉบับพิเศษเพื่อสะท้อนถึงรากเหง้าของความเป็นสื่อแฟชั่นแต่ดั้งเดิมของนิตยสาร ทาง Vogue US ก็พร้อมที่จะกลับมาให้พื้นที่หน้าปกแก่นางแบบแฟชั่นทันที

"ความแตกต่างคือสวย"
 125 ปี  Vogue สหรัฐฯ


โดยนางแบบทั้ง 7ก็คือ Liu Wen จากจีน, Ashley Graham,Kendall Jenner,Gigi Hadid โดยทั้งสามคนนี้เป็นนางแบบอเมริกัน, Imaan Hammam จากเนเธอแลนด์, Adwoa Aboah จากสหราชอาณาจักร และ Vittoria Ceretti จากอิตาลี
โดยความแตกต่างของนางแบบแต่ละคนก็คือ อย่างแรก ในกลุ่ม 7คนนี้ มีทั้งนางแบบที่โด่งดังแล้ว และนางแบบที่เป็นหน้าใหม่ยืนอยู่รวมกัน นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นนางแบบที่ดังแล้วหรือยังไม่ดัง คุณก็มีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะได้ขึ้นปก Vogue US ที่สาวๆทั่วโลกใฝ่ฝันอยากจะได้สิทธินี้ หากคุณเป็นนางแบบที่มีความภาคภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง
ทั้งนางแบบ Liu Wen จากจีน ทีี่โด่งดังขึ้นมาด้วยความงามแบบสาวจีนแท้ๆ แต่ก็ดูทันสมัย เป็นตัวแทนของผู้หญิงเอเชียยุคใหม่
นางแบบ Ashley Graham ตัวแทนสาวอวบหรือ Plus-Size ที่หากเป็นในอดีต นางแบบอวบที่ไม่ว่าจะมีหน้าตาสวยงามมากแค่ไหน แต่หากมีรูปร่างใหญ่โตแล้วล่ะก็ ก็มักถูกจำกัดให้เป็นนางแบบได้เฉพาะเสื้อผ้าสำหรับสาวอวบเท่านั้น ไม่มีทางที่จะได้มาขึ้นปก Vogue ที่มีแต่นางแบบผอมเพรียวบนหน้าปกแน่นอน

"ความแตกต่างคือสวย"
 125 ปี  Vogue สหรัฐฯ


ขณะที่นางแบบ Imaan Hammam ทีี่เป็นสาวที่เกิดและเติบโตเนเธอแลนด์ แต่เธอก็ได้ความงามแตกต่างคมเข้ม มาจากคุณพ่อชาวอียิปต์ และคุณแม่ชาวโมร็อคโค


ซึ่งถือว่า Imaan โชคดี เพราะเป็นนางแบบผิวสีรุ่นใหม่ที่ได้ทำงานในวงการแฟชั่นโลกยุคนี้ ที่ตอนนี้มีความเข้าใจกันมากขึ้นแล้วว่า สาวผิวสีก็มีเสน่ห์และความงามที่น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้นางแบบผิวสีรุ่นพี่รุ่นน้าหรือรุ่นป้า ช่วยกรุยทางต่อสู้ให้วงการแฟชั่นมีความเข้าใจในความงามแบบผิวสี กันมาตั้งแต่ยุค 60 แล้ว
ส่วนนางแบบผิวสีอย่าง Adwoa Aboah แม้จะเป็นสาวอังกฤษ แต่ก็มีเชื้อสายคนผิวสีจากประเทศกาน่า ซึ่งความงามเฉพาะตัวแบบเธอ ยังต้องการการยอมรับจากวงการแฟชั่นโลกอีกมาก

"ความแตกต่างคือสวย"
 125 ปี  Vogue สหรัฐฯ


เพราะ Adwoa ไม่ได้มีผมยาวสลวย แต่ทว่า มาในรูปลักษณ์หัวเกรียน ผิวหน้าตกกระ แต่เมื่อดูโดยรวมแล้ว เธอก็ดูดีมีความเท่ในบุคลิก แต่สำคัญสุดคือ Adwoa คือตัวอย่างที่ดีของผู้หญิงที่งามมาจากภายใน งามมาจากทัศนคติดีๆที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะวงการแฟชั่นโลกให้ความสนใจเธอจากการใช้โซเชี่ยลมีเดีย เป็นกระบอกเสียงในการสะท้อนความเดือดร้อนต่างๆของผู้หญิง ซึ่ง Adwoa เตรียมจะตั้งเป็นมูลนิธิขึ้นมาเพืี่อช่วยเหลือผู้หญิงอย่างจริงจังต่อไปด้วย ซึ่งความงามภายในของเธอก็สะท้อนออกมาให้เห็นในบุคลิกของ Adwoa ที่ดูมีความมั่นใจและเป็นสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น บุคลิกที่ดีจึงทำให้เธอเป็นนางแบบที่ไม่ได้สวยมาก แต่กลับสวมใส่อะไรก็ดูสวยและดูดีไปหมด
สรุปก็คือ ผู้หญิงทุกคนมีความสวยแตกต่างกันไปในแบบฉบับของตัวเอง เพียงแค่ต้องภาคภูมิใจในแบบฉบับที่ตัวเองเป็น คนอื่นก็จะสามารถรับรู้ถึงความสวยเฉพาะตัวของแต่ละคนได้ ซึ่งนี่คือเทรนด์ความงามที่ Vogue US จะพาโลกแห่งแฟชั่นก้าวไปพร้อมกันด้วยความงามที่แตกต่างนี้

logoline